SPCG ขานรับนโยบายรัฐโซลาร์รูฟ ปชช.
SPCG ขานรับนโยบายรัฐบาล รับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ภาคประชาชน จำนวน 100 เมกะวัตต์ ชี้เป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ภาคประชาชน จำนวน 100 เมกะวัตต์ (MW) ในช่วงไตรมาส 2/62 ว่า เป็นโอกาสอันดีของประชาชนที่สนใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือโซลาร์รูฟไว้ใช้งานเองในปีนี้ ซึ่ง SPCG ในฐานะผู้นำในธุรกิจโซลาร์รูฟ ขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ โดยในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ได้มีการต่อยอดมาจากโซลาร์ฟาร์มมาสู่ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์รูฟ ตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan : PDP) ปี 2018
ในส่วนของโซลาร์ภาคประชาชนจำนวน 100 MW นี้ หากประมาณการณ์การติดตั้งให้แต่ละครัวเรือน ครัวเรือนละ 5 kWpสามารถครอบคลุมประชาชนได้ถึงปีละกว่า 20,000 ครัวเรือนทีเดียว นอกจากนี้การที่ภาครัฐรับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินจากการใช้งานเพื่อประหยัดไฟฟ้าของครัวเรือนแล้ว นับเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการเป็นผู้นำของประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง รวมทั้งยังเป็นประเทศเดียวที่มีแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของภาครัฐที่มองเห็นประโยชน์จากการที่ประชาชนติดตั้งระบบโซลาร์รูฟ เพื่อการประหยัดค่าไฟฟ้าและยังสามารถนำไฟฟ้าที่เหลือใช้มาขายคืนกลับเข้ารัฐได้ด้วย
ดร.วันดี กล่าวด้วยว่า SPCG มีการเตรียมความพร้อมขานรับนโยบายนี้ โดยการออกแพ็คเกจราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่สนใจติดตั้งโซลาร์รูฟ จะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาเพียง 6 ปี ก่อนหน้านี้ ภาครัฐเคยเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ติดตั้งโซลาร์รูฟ และติดต่อขอขายไฟฟ้าให้ภาครัฐได้ในครั้งก่อน จำนวน 100 MW ปรากฏว่ามีประชาชนให้การตอบรับมากถึง 7 เท่า สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็น Model ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แสดงให้เห็นว่าการประกาศนโยบายโซลาร์ภาคประชาชนครั้งนี้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง คือมุ่งเน้นการติดตั้งไว้ใช้งานเองเพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนที่เหลือสามารถขายคืนกลับเข้าการไฟฟ้าของภาครัฐได้ และที่สำคัญทุกครัวเรือนสามารถติดตั้งได้ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการประกาศความชัดเจนเพิ่มเติมว่าแต่ละพื้นที่จะจัดสรรการรับซื้อไฟฟ้าจำนวนเท่าไร และราคารับซื้อไฟฟ้าจะเป็นอย่างไรสำหรับประชาชนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชั่นนี้ได้ที่โฮมโปรทุกแห่งในฐานะเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จนถึง 30 เมษายนนี้
“สำหรับประชาชนที่สนใจติดตั้งระบบโซลาร์รูฟ ควรเลือกผู้ผลิตและจัดจำหน่ายที่มีความมั่นคง เพราะอายุการใช้งานของแผงเซลล์แสงอาทิตย์นั้นยาวนาน 20 – 30 ปี ซึ่งระบบอุปกรณ์ทุกชิ้นต้องมีประวัติการใช้งานมายาวนาน และต้องเน้นในเรื่องความปลอดภัยต่อการใช้งานด้วย โดย SPCG เลือกใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์คุณภาพสูงจาก Kyocera Corporation ประเทศญี่ปุ่น ใช้เครื่องแปลงไฟฟ้า (Inverter) จาก SMA ประเทศเยอรมนี และทีมงาน EPC ที่ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ SPCG ก็มีประสบการณ์มานานนับ 10 ปีแล้ว ดังนั้นการจะเลือกผู้ประกอบการที่จะดำเนินเรื่องระบบโซลาร์รูฟควรเลือกที่คุณภาพเป็นสำคัญ”