ศก.โลกชะลอตัว ฉุด น้ำมันดิบร่วง 3.5 %
สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เมื่อคืนนี้ (27 ธ.ค.61)ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 3.5% มาปิดที่ 44.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 2.31 ดอลลาร์ หรือ 4.2% มาปิดที่ 52.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมันระบุว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ หลังจากทะยานขึ้นกว่า 8% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ โดย เบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10 แท่น สู่ระดับ 883 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันมากที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ต้นเดือนพ.ย. รวมทั้งยังกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. สมาชิก 15 ชาติของกลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกจะปรับลดกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งจะทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของการบริโภคทั่วโลก
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยจะมีผลในเดือนม.ค.ปีหน้า ขณะที่การผลิตน้ำมันในสหรัฐ รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย ยังคงอยู่ใกล้หรืออยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสหรัฐผลิตน้ำมัน 11.7 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้ารัสเซีย ซึ่งมีการผลิตน้ำมัน 11.42 ล้านบาร์เรล/วัน.