ปตท.สผ.ขยายลงทุนเมียนมา เดินหน้าธุรกิจใหม่
ปตท.สผ. เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ รองรับการผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศเมียนมาที่เพิ่มขึ้น พร้อมขยายธุรกิจใหม่ เน้นให้บริการกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ.ได้ลงทุนธุรกิจใหม่ นอกเหนือจากธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม โดยได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ร่วมกับภูมิปัญญาประดิษฐ์ เน้นให้บริการกับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนั้นยังอยู่ระหว่างหารือ กับทางการ เมียนมา ในการเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติ จากแหล่งซอติก้า จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าให้กับประเทศเมียนมา ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในช่วงปี 66
“สำหรับการต่อยอดจากแหล่งปิโตรเลียมสู่การผลิตไฟฟ้านั้น มองพื้นที่ในเมียนมาที่ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมามีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศให้มากขึ้น ทำให้มองว่าในช่วงปี 66 น่าจะมีโอกาสสำหรับ ปตท.สผ. จึงได้นำเสนอแผนที่จะสำรวจและเพิ่มศักยภาพการผลิตปิโตรเลียม และพร้อมที่จะต่อท่อก๊าซฯจากแหล่งผลิตเพื่อป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าที่จะมีขึ้นในอนาคต โดยการดำเนินการจะเป็นการร่วมกันดำเนินงานในกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT)” นายพงศธร กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการกลับเข้าไปลงทุนใหม่ในอินโดนีเซีย หลังจากที่ได้ระงับการลงทุนใหม่ไปก่อนหน้านี้จากคดีน้ำมันรั่วไหลจากแหล่งมอนทาราน แม้ขณะนี้ทางรัฐบาลอินโดนีเซียได้ถอนฟ้องไปแล้ว แต่ก็ยังมีประเด็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาร่วมกันอยู่โดยทาง ปตท.สผ.จะต้องพิสูจน์ให้มีความชัดเจนว่าการดำเนินการไม่ขัดหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะต้องหาคนกลางเข้ามาเป็นผู้ตัดสิน คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีจากนี้จึงจะมีความชัดเจน ส่วนแผน 5 ปี (ปี 62-66) คาดว่าจะสามารถประกาศได้ภายในเดือน ม.ค.62