“UAC” ผวา 3 ปัจจัยเสี่ยง ชะลอลงทุนปีหน้า
UAC มั่นใจปีนี้ทำรายได้ตามเป้า 2,500 ล้านบาท จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องกลุ่มเทรดดิ้ง และ การขยายกำลังการผลิตปิโตรเคมี ชี้ 3 ปัจจัยความเสี่ยง ส่งผลให้ชะลอแผนการลงทุนในปีหน้า
นายชัชพล ประสพโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัม ยูเอซี โกลบอลจำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้ ประมาณ 2,500 ล้านบาท และมี EBITDA ไม่ต่ำกว่า 350 ล้านบาท โดยภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปียังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มเทรดดิ้ง ซึ่งมีความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มลูกค้าโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีที่มีการขยายกำลังผลิต ส่งผลให้สารเคมีและอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการผลิตเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้น
รวมทั้งการกลับมาผลิตปิโตรเลียม แหล่งบูรพาเอ ของ บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด ตั้งแต่กลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีก๊าซธรรมชาติที่เผาทิ้งในการผลิตน้ำมันดิบ (Associated Gas) เพิ่มประมาณ 300,000 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากรวมกับ Associated Gas จากแหล่งเสาเถียร เอ ของ บมจ.ปตท สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.ที่รับมาวันละประมาณ 1.45 ล้านลูกบาศก์ฟุต จะส่งผลให้ UAC สามารถเดินเครื่องจากโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ได้กว่า 90% ของความสามารถในการผลิตรวม ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์อยู่ในช่วงขาขึ้นตามราคาปิโตรเลียมของโลก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเสริมให้ผลประกอบการของ UAC ในไตรมาส 4 มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ส่วนผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 3/61 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.61 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 500.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 417.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 36.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.71 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.29 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 61 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 2,154.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.73 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 1,179.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 143.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98.52 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 72.06 ล้านบาท
และมี EBITDA งวด 9 เดือนแรกปี 61 อยู่ที่ 320.68 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจเทรดดิ้งที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา จากความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจไบโอดีเซล ภายใต้บริษัทร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 30% ในบริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด (BBF) เติบโตเพิ่มขึ้
สำหรับแผนการลงทุนต่างๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนทั้งหมด โดยบริษัทฯจะชะลอการลงทุนจากปัจจัยความเสี่ยง 3 เรื่องหลัก คือ สงครามกีดกั้นการค้าระหว่างประเทศอเมริกากับจีน การเมืองในประเทศ และแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งบริษัทฯจะพยายามลดภาระทางการเงินลงให้มีสภาพคล่องสูงขึ้น เพื่อเตรียมรับความผันผวนของระบบเศรษฐกิจโลกในปี 62-63