โกลว์ แจง “ถ่านหิน-ก๊าซ” แพง ฉุดกำไรลดลง
โกลว์ พลังงาน แจงผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรลดลงเหลือ 2,113.88 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหิน และราคาก๊าซธรรมชาติ
นายเบรนดอน วอเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโกลว์ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,113.88 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2,410.55 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนขายเพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาถ่านหินเฉลี่ย (FOB) และราคาก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนี้ในไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 2,113.90 ล้านบาท ลดลง 12.3% จาก 2,140.60 ล้านบาทในไตรมาส 3ปีก่อน และถ้าไม่รวมผลจากการบันทึกเกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนใหญ่ของบริษัท 2,115 ล้านบาท ลดลง 13.60% จาก 2,455.70 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีก่อน
โดยไตรมาส 3 ปีนี้ GLOW มีรายได้รวม 14,140 ล้านบาท มี EBITDA (ไม่รวมรายการปรับปรุงบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าการเงิน) 4,277 ล้านบาท และมี Normalized Net Profit (NNP)1 2,006 ล้านบาท ขณะที่งวด9เดือนบริษัทมี EBITDA และ NNP ลดลง 4.5 %และ 5 % ตามลำดับ
แม้ว่าราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโคเจนเนอเรชั่นเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังคงแข็งแกร่ง ในส่วนของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) โรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน สามารถรักษาความพร้อมจ่ายได้ในระดับดี
นอกจากนั้น ผลของโครงการควบคุมค่าใช้จ่าย “SmartSave” และต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทสามารถรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในจังหวัดชลบุรี ได้เริ่มการก่อสร้างมากว่าหนึ่งปีแล้ว และ ล่าสุดได้เสร็จสิ้นการก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนหลังคาสองโครงการแรก และในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนสำหรับโรงไฟฟ้าห้วยเหาะในประเทศลาว มีปริมาณมากกว่าปกติ (มากเป็นอันดับสองจากสถิติในการดำเนินงานที่ผ่านมา) ซึ่งจะทำให้สามารถจัดส่งพลังงานไฟฟ้า(ปราศจากสารคาร์บอน) ได้มากขึ้นในปี พ.ศ. 2562