ราคาน้ำมันดิบโลกลดฮวบกว่า 4 %

รายงานจาก บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 4 หลังดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าร่วงลงเกือบ 400 จุด
ท่ามกลางความกังวลเรื่องอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่อาจหดตัวลง ประกอบกับนักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับงบประมาณของอิตาลี ที่ต้องการเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปีหน้า ทำให้คณะกรรมาธิการยุโรป จะตัดสินใจในวันนี้ว่าจะขอให้อิตาลีถอน แก้ไข และยื่นแผนงบประมาณฉบับใหม่หรือไม่
ทั้งนี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียยังระบุว่า ซาอุดิอาระเบียพร้อมจะปรับเพิ่มกำลังการผลิต หากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ส่งผลต่ออุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ซาอุดิอาระเบียไม่ต้องการเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับผู้ผลิตน้ำมันดิบรายอื่น
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก UBS คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปี 2019 จะเติบโตเพียง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันแพงและเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในกลุ่มประเทศ OECD จะคงที่ ในขณะที่อุปสงค์น้ำมันในจีนและอินเดียยังคงเติบโตได้ดี
และภายหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ สัปดาห์ก่อนหน้า ปรับเพิ่มขึ้นราว 9.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 418.4 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล
ด้านราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังอุปทานยังคงล้นตลาด ประกอบกับอุปสงค์น้ำมันเบนซินในยุโรปยังคงอ่อนตัว ส่งผลต่ออุปทานที่ล้นมายังภูมิภาคตะวันออก
ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันดีเซลและน้ำมันดิบดูไบแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งได้รับแรงหนุนจากอุปทานที่ตึงตัวในช่วงโรงกลั่นปิดซ่อมบำรุง
ทั้งนี้ไทยออยล์ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 64-69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 74-79 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ตลาดน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มจะตึงตัวมากขึ้น หลังปริมาณการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านยังคงปรับลดลงต่อเนื่อง
ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังเศรษฐกิจโลกคาดจะเจริญเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยล่าสุด IEA ปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั้งในปีนี้และปีหน้าลงกว่า 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เริ่มปรับเพิ่มการขุดเจาะขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ เนื่องจากกำลังการขนส่งของท่อขนส่งน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตมายังแหล่งจ่ายน้ำมันดิบคุชชิ่งในสหรัฐฯ คาดจะเพิ่มขึ้นกว่า 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ย. นี้
สำหรับสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.)ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะรักษาเสถียรภาพตลาดน้ำมัน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มการผลิต นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นทั่วโลกยังสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันด้วยเช่นกัน
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 2.93 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 66.43 อลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.ปีนี้ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 3.39 ดอลลาร์ หรือเกือบ 4.3% ปิดที่ 76.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนส.ค.ปีนี้
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.น้ำมันซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก จะลงนามในข้อตกลงในเดือนธ.ค.เพื่อขยายความร่วมมือในการจับตา และสร้างเสถียรภาพต่อตลาดน้ำมัน นอกจากนี้ นายอัล-ฟาลีห์ยังกล่าวว่า เขาไม่ตัดความเป็นไปได้ที่ซาอุดีอาระเบียจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันอีก 1-2 ล้านบาร์เรล/วันในอนาคต