ปตท.ปรับแผนลงทุนเน้นพื้นที่ EEC
ปตท.ปรับแผน เน้นลงทุนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เผยยังทำธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมัน ผลิตภัณฑ์เคมีคอลในอินโดนีเซีย ต่อไป ส่วนแผนลงทุนใหม่ต้องศึกษาให้รอบครอบ พร้อมระบุเดือน พ.ย.นี้ สรุปแผนลงทุน ไฮสปีดเทรน
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเข้าร่วมประมูลลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างรอสรุปพันธมิตรที่จะเข้าร่วมประมูลที่ล่าสุดคัดเลือกเหลือ 2 กลุ่มจาก 10 กลุ่ม ซึ่งคณะกรรมการบริษัทจะมีการพิจารณาคัดเลือกในการประชุมวันที่ 28 ก.ย.61 แต่หากไม่ทันก็ต้องเป็นช่วงเดือน ต.ค. ก่อนจะสรุปว่าจะเข้าร่วมยื่นประมูลโครงการดังกล่าวหรือไม่ในช่วงเดือนพ.ย.61 และคาดว่าโครงการจะคัดเลือกผู้ชนะประมูลได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562
สำหรับแผนการลงทุนใหม่ในอินโดนีเซีย หลังจากกลุ่ม ปตท. ประกาศระงับการทั้งหมด หลังมีคดีที่รัฐบาลอินโดนีเซียฟ้องร้อง PTTEP ตั้งแต่เดือนพ.ค.60 โดยเรียกค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหลจากแหล่งมอนทารา ในออสเตรเลีย ไหลเข้าสู่ทะเลติมอร์ เมื่อปี 52 เป็นจำนวนเงินประมาณ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา นั้น ปตท.คงต้องระมัดระวังให้รอบครอบ ว่าควรเข้าไปลงทุนอย่างไรจึงเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ยังคงเน้นทำธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมัน ผลิตภัฒฑ์เคมีคอลอาทิ พลาสติก เม็ดพลาสติก เป็นต้น ส่วนการนำธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 1-2 ปี2562 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนศึกษารายละเอียด และหันมาเน้นการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เป็นหลัก
ส่วนการประมูลแหล่งปิโตรเลียมที่จะหมดอายุสัมปทานในปี 65-66 อย่างบงกชและเอราวัณ นั้น คาดว่า บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ จะพิจารณาเข้าไปประมูลและกระบวนการตัดสินคงเป็นช่วงไตรมาส 1ปี2562.