OR ย้ำกระจายหุ้น IPO ให้ชุมชนต้องรอบครอบ
โออาร์ ประกาศเดินหน้า ธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก เต็มสูบ มุ่งสู่แบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก ยันเข้าตลาดหลักทรัพย์แน่นอนส่วนการกระจายหุ้น IPO ให้ชุมชนต้องพิจารณาความเป็นไปได้ และข้อกฎหมาย ประกอบด้วย
วันนี้ (1 พ.ย.) บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จัดงานแถลงข่าว “TOGETHER FOR BETTERMENT: รวมพลัง ร่วมสร้าง เพื่อทุกวันที่ดีขึ้น” เปิดตัว โออาร์ อย่างเป็นทางการ โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานกรรมการ นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหาร โออาร์ ร่วมให้การต้อนรับ ณ เกสร เออร์เบิน รีสอร์ท กรุงเทพฯ
นางสาวจิราพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ปตท. ได้ปรับโครงสร้างโดยนำหน่วยธุรกิจน้ำมันและบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเดิมเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ ปตท. มาอยู่ภายใต้บริษัท ชื่อ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) โดยมีฐานะเป็นบริษัทเรือธง (Flagship) ของกลุ่ม ปตท. ด้านการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีวิสัยทัศน์ในการเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมชุมชน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ตลอดจนการสร้างมูลค่าร่วมให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล
โออาร์ ประกอบด้วยธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ และวางกลยุทธ์หลักการในดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ (Productivity) การเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Inorganic growth) ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจน้ำมัน และขยายธุรกิจค้าปลีกและต่างประเทศ ซึ่งในอนาคตจะเน้นการตั้งบริษัทย่อย หรือร่วมทุนกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยนำจุดแข็งของแต่ละกลุ่มมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท
สำหรับผลการดำเนินงานในปี2561 โออาร์มีรายได้กว่า 500,000 ล้านบาท โดยมีกำไร 7,000-8,000 ล้านบาท คาดว่าในอนาคตสัดส่วนกำไร และปลายปีนี้ โออาร์จะเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติแผนการลงทุนบริษัทใน 5 ปีข้างหน้า2563-67) ซึ่งจะเป็นการทบทวนแผนการลงทุนทุกปี ส่วนการนำโออาร์เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันว่านำเข้าตลาดหุ้นแน่นอน ส่วนการกระจายหุ้น IPO ให้ชุมชนตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ต้องพิจารณารายละเอียด ความเป็นไปได้และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ปัจจุบัน ธุรกิจน้ำมัน โออาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำมันเป็นอันดับ 1 ในประเทศ มีสถานีบริการน้ำมัน ทั่วประเทศกว่า 1,850 แห่ง ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ภายใต้แบรนด์ พีทีที ลูบริแคนท์ส (PTT Lubricants) ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี และส่งออกไปจำหน่ายแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก การจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง และอุตสาหกรรม การจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas: LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ ก๊าซหุงต้ม ปตท. โดยมุ่งเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ
ส่วนธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) โออาร์ คือ ผู้บุกเบิกธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ภายในสถานีบริการน้ำมันฯ เป็นรายแรกของประเทศ โดยมีร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon) ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาภายในประเทศรวมกว่า 2,800 สาขา และยังได้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) มาเพิ่มความหลากหลาย อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที เท็กซัส ชิคเก้น ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ (FIT Auto) ฯลฯ
สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โออาร์ นำรูปแบบทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ และศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ ไปต่อยอดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ อีกทั้งยังได้นำผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอีไทย (SMEs) ไปขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตร่วมกันในต่างประเทศ
ปัจจุบัน โออาร์ มี สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในประเทศ ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และเมียนมา รวมกว่า 280 แห่ง ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศ ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เมียนมา สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน ญี่ปุ่น และโอมาน รวมกว่า 200 สาขา ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ กว่า 70 สาขา รวมถึงศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ โดยคาดว่า ใน 5 ปีข้างหน้า สถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 675 แห่ง ส่วนร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน เพิ่มเป็น 700 แห่ง.