IRPC ร่วมทุนจีน ขายเม็ดพลาสติก ผ่านอีคอมเมิร์ซ
IRPC ชู ทิศทางดำเนินธุรกิจ เดินหน้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ต่อยอดธุรกิจใหม่ ตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน ร่วมลงทุนจีนขยายปีกสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขายเม็ดพลาสติกผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ PLASTKET.COM
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) เปิดเผยถึงทิศทางและแผนการดำเนินธุรกิจว่า ขณะนี้ IRPC ได้มุ่งเน้นการดำเนินการด้าน Power of Digital เพื่อผลักดันให้ IRPC เป็น Petrochemical Complex ชั้นนำทางด้าน Digital ด้วยการดำเนินการใน 2 ส่วน ได้แก่ 1. การบูรณาการระบบดิจิทัลเทคโนโลยี เข้ามาใช้ในขั้นตอนธุรกิจ ควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วองค์กร 2. การขยายการลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ภายใต้แพลตฟอร์ม “พลาสเก็ตดอทคอม (PLASTKET.COM)” เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (ถือหุ้น 55%) และบริษัท Guangzhao Saiju Performance Polymer Ltd. (“GZSJ”) (ถือหุ้น 45%) จากจีน โดยแพลตฟอร์มนี้จะจำหน่ายเม็ดพลาสติกจากทุกแบรนด์ ไม่จำกัดเฉพาะผลิตภัณฑ์ของ IRPC และในกลุ่ม ปตท.
ทั้งนี้ IRPC ยังคงให้ความสำคัญกับแผนการลงทุนระยะยาวในโครงการผลิตอะโรเมติกส์ (MARS: Maximum Aromatics Project) กำลังการผลิตพาราไซลีน 1 – 1.3 ล้านตันต่อปี และเบนซีน 3 – 5 แสนตันต่อปี ประมาณการการลงทุนมูลค่า 4 หมื่น ล้านบาท ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) จากการพิจารณาอย่างรอบคอบเรื่องผลตอบแทนจากการลงทุน ส่งผลให้โครงการเลื่อนออกไปจากแผนเดิมที่จะแล้วเสร็จในปี 2566 เป็นปี 2567 ซึ่งไม่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวมโครงการมากนัก เนื่องจากในปีที่โครงการแล้วเสร็จภาวะตลาด และประมาณการส่วนต่างราคา พาราไซลีนยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่
สำหรับการขยายโอกาสส่งออกตามทิศทางของตลาดโลก ปัจจุบัน IRPC สามารถจำหน่ายน้ำมันเตากำมะถันต่ำ 15,000 ตัน เป็นรายแรกของประเทศไทย ก่อนปี 2563 นโยบายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% จากเดิม 3.5% เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมการเดินเรือสมุทร ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เนื่องจาก IRPC เป็นโรงกลั่นเดียวในประเทศที่มีหน่วยกำจัดกำมะถันในเรสซิดิว หรือ Residue Hydro Desulphurization Unit ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการเดินเรือสมุทร
จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยืดเยื้อ เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ แต่ IRPC ยังคงรักษาความสามารถในการผลิตที่เป็นเลิศในระดับ Top Quartile ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมี พัฒนานวัตกรรม สินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) และเดินหน้าขยายส่วนแบ่งผลิตภัณฑ์ในตลาดอาเซียนให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินการตามแผนงาน IRPC 4.0 ภายใต้ยุทธศาสตร์ GDP เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ขยายการลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ภายใต้แพลตฟอร์ม PLASTKET.COM
ด้วยมาตรการเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว IRPC สามารถบริหารสภาพคล่องของธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนให้เหมาะสม พิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ สร้างเสถียรภาพทางการเงิน โดยยังคงมีสถานะการเงินที่มั่นคง แข็งแรง ณ สิ้น ไตรมาส 2 ปี 2562 IRPC มีเงินสดคงเหลืออยู่ที่ 1,915 ล้านบาท มีอัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 0.91 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.63 เท่า และมีงบลงทุนที่มีแผนการดำเนินงานชัดเจน (committed) จำนวน 71,043 ล้านบาท
นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มแล้ว IRPC ยังได้มีการบริหารจัดการเรื่องกระบวนการผลิต เพื่อขจัดการสูญเสีย (Zero Waste) โดยสามารถนำ Waste Polymer กลับเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ กล่องนาฬิกา แบรนด์เนม และกล่องจิวเวลรี่ เป็นต้น ตลอดจนการขยายความร่วมมือกับลูกค้า น้ำมันจากขยะพลาสติกแปรรูป 300,000 – 400,000 ลิตร/เดือน ที่ผ่านเทคโนโลยีทันสมัย “ไพโรไลซิส” ได้น้ำมันดิบที่มีคุณภาพมาตรฐาน ลดปริมาณขยะได้ 560 ตัน/เดือน
ปัจจุบันศูนย์นวัตกรรมฯ มีโครงการวิจัย ประมาณ 60 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากำไรส่วนเพิ่มประมาณ 940 ล้านบาท รวมทั้งการให้ความสำคัญในการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นกลไกในการขับเคลื่อน สร้าง New S-curve ที่มีความสามารถในการเติบโตต่อไปในอนาคตสูง เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทฯ
ที่ผ่านมา ศูนย์นวัตกรรมฯ ดังกล่าวสามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มออกสู่ตลาดได้แล้ว 2 ผลิตภัณฑ์ คือ ผลิตภัณฑ์ พีพี คอมปาวด์เกรดพิเศษ (PP Compound) นำมาใช้ในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าทั้งภายในและภายนอกรถยนต์รุ่น FOMM ONE ของบริษัท FOMM Corporation ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกแบบยานยนต์ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่น โดยชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ 90% เป็นผลิตภัณฑ์ PP Compound ของ IRPC คิดเป็นน้ำหนัก 24.6 กิโลกรัม จากชิ้นส่วนพลาสติกที่ใช้ทั้งหมด 27 กิโลกรัม และ HDPE Specialty (High Density Polyethylene) เกรดพิเศษ ที่ออกแบบให้เนื้อพลาสติกเป็นสีเทาใช้เป็นทุ่นโซลาร์ลอยน้ำ ที่ช่วยลดอุณหภูมิใต้แผงโซลาร์เซลล์ ส่งผลให้ระบบผลิตกระแสไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น โครงการนี้จะเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนของประเทศ โดย IRPC มองถึงการต่อยอดในโครงการโซลาร์ลอยน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2018)