4 ข้อควรรู้ ก่อนติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป
บ้านปู แนะ 4 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ โซลาร์ รูฟท็อป เพื่อให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ
คุณกนกวรรณ จิตต์ชอบธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด หนึ่งในบริษัทลูกของ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ รับรู้และเข้าใจถึงขั้นตอนการติดตั้ง “โซลาร์ รูฟท็อป” อย่างถูกวิธี จึงอยากแนะนำ 4 ข้อควรรู้ที่ผู้ประกอบการควรศึกษา และทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพื่อให้สามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมuประสิทธิภาพ และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย ได้แก่
1.ทำความรู้จัก “โซลาร์ รูฟท็อป”
“โซลาร์ รูฟท็อป” คือ ระบบเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าด้วยวิธีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ บนหลังคาของอาคาร โดยระบบจะเริ่มทำงานเมื่อแผงโซลาร์เซลล์ได้รับแสงอาทิตย์ และจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้ากระแสตรง จากนั้นเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) แปลงไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์เป็นไฟฟ้ากระแสสลับเพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ในโรงงานหรืออาคารได้
2.เตรียมข้อมูลก่อนติดตั้งให้พร้อม เพิ่มความแม่นยำในการผลิตไฟฟ้า
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องสำรวจความพร้อม และเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเพื่อใช้ประกอบการประเมิน และคำนวณแผนการลงทุนในการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป อาทิ ภาพรวมปริมาณการใช้ไฟฟ้าโดยสามารถรวบรวมได้จากใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 12 เดือน แบบแปลนไฟฟ้าแบบไดอะแกรม (Electrical Single line Diagram) โหลดอิเล็กทรอนิกส์ (Electric Load Profile) ความพร้อมของพื้นที่สำหรับติดตั้งแผงโซลาร์ เช่น ขนาด หรือความแข็งแรงโครงสร้างหลังคา เพื่อให้การคำนวณกำลังการผลิตไฟฟ้ามีความแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ประกอบการยื่นขออนุญาตติดตั้งระบบฯ เช่น ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร แบบโครงสร้างของหลังคา รายการคำนวณโครงสร้างหลังคา เป็นต้น
3.ติดตั้ง “โซลาร์ รูฟท็อป” อย่างเป็นระบบ ช่วยลดปัญหากวนใจ
“โซลาร์ รูฟท็อป” ไม่ใช่เพียงแค่การนำแผงโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งบนหลังคาแล้วจะสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้ในทันที หากแต่ต้องมีการติดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยมีวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าไปสำรวจ ประเมิน ตลอดจนออกแบบ และวางแผนระบบฯ ให้เหมาะกับพื้นที่นั้นๆ เช่น การคำนวนจำนวนของแผงโซลาร์ ให้สัมพันธ์กับโครงสร้างของหลังคา เพื่อการผลิตไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้นผู้ประกอบการควรมองหาผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญสามารถออกแบบโซลาร์รูฟท็อปได้ตามความต้องการ วางระบบกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง โดยคำนึงถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ และการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline) ที่ผลิตจากซิลิคอนบริสุทธิ์ มีประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้าสูงกว่าแผงชนิดอื่นในปัจจุบัน รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ให้เหมาะสม เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่ามากที่สุด
4.“บริการหลังการขาย” คือหัวใจสำคัญ
ถึงแม้ว่าอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์จะยาวนานถึง 25 ปี แต่การดูแลรักษาคุณภาพของตัวแผงตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงการติดตามประสิทธิภาพการทำงานของทั้งระบบฯ ยังถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกใช้ผู้ให้บริการด้านการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป เพื่อความสามารถในการผลิตพลังงานโซลาร์ได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว.