โรงไฟฟ้าชุมชน ใช้เงิน กองทุนอนุรักษ์ฯ ได้
บอร์ดกองทุนอนุรักษ์ฯ เห็นชอบปรับลดกรอบเงินลงทุน 5 ปี เหลือ 50,000 ล้านบาท พร้อมปรับสัดส่วนการใช้จ่ายเน้นพลังงานทดแทน ย้ำ โรงไฟฟ้าชุมชนใช้เงินกองทุนได้ เพราะอยู่ในประเภทส่งเสริมพลังงานทดแทน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบปรับลดกรอบวงเงินกองทุนฯ ระยะ 5 ปี (2563-2567) เหลือ 50,000 ล้านบาท แบ่งการใช้จ่ายเป็นปีละ 10,000 ล้านบาท จากกรอบเดิมกำหนดไว้ในช่วงปี 60-64 ที่ 60,000 ล้านบาท หรือแบ่งการใช้เป็นปีละ 12,000 ล้านบาท โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายแห่งชาติ (กพช.) สิ้นเดือน ต.ค.นี้ และจะสามารถเปิดรับข้อเสนอโครงการในส่วนของกองทุนฯประจำปี 2563 ได้ประมาณเดือน ธ.ค. 62
สาเหตุปรับลดกรอบเงินกองทุนฯ เนื่องจากการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันได้น้อยลง เพราะตั้งแต่ปี 2561-2563 รัฐบาลปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนฯลดลงจาก 25 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 10 สตางค์ต่อลิตร
นอกจากนี้ ยังมีการปรับหลักเกณฑ์กองทุนฯ ใหม่ โดยลดสัดส่วนเงินโครงการที่เกี่ยวกับแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานลงจาก 67% เหลือ 50% และไปเพิ่มวงเงินสำหรับโครงการที่เกี่ยวกับแผนพลังงานทดแทนจากเดิม 30% เป็น 47% ส่วนสัดส่วนวงเงินด้านแผนบริหารจัดการกองทุนฯ อยู่เท่าเดิม 3% ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน สามารถนำเงินกองทุนฯมาใช้ได้ เนื่องจากจัดอยู่ในประเภทการส่งเสริมพลังงานทดแทน
นอกจากนี้ คณะกรรมการกองทุนฯ ได้มติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 4 คณะ เพื่อช่วยคณะกรรมการกองทุนฯ ได้แก่ คณะอนุกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีรมว.พลังงานเป็นประธาน, คณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน, คณะอนุกรรมการประเมินผลโครงการภายใต้กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ คณะอนุกรรมการบริหารสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน