LANNA ชะลอลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินอินโด
LANNA คาด กำไร ปีนี้ ลดลง เพราะได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินปรับตัวลง เล็งซื้อกิจการผลิตไม้ป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล และ ชะลอลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินอินโดนีเซีย ออกไป 1 ปี
นายสีหศักดิ์ อารีราชการัณย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลานนารี ซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA คาดว่ายอดขายถ่านหินในไตรมาส 3 ปีนี้ จะปรับตัวลดลง เนื่องจากอินเดียชะลอการนำเข้าถ่านหิน เพราะเป็นหน้ามรสุม ส่วนจีน ก็มีโควตานำเข้าถ่านหินเต็มแล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าในไตรมาส 4 ปีนนี้ จะกลับมาฟื้นตัว เพราะเข้าฤดูหนาว และใกล้ช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่จะมีความต้องการใช้ถ่านหินมากขึ้น อย่างไรก็ดี แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้น่าจะปรับลดลง เพราะต้องตั้งสำรองสูง ทำให้ทั้งปีนี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะปรับตัวลงเพราะได้รับผลกระทบจากราคาถ่านหินปรับตัวลง
สำหรับแนวโน้มราคาถ่านหิน ยังปรับตัวลงต่อเนื่องในไตรมาส 3 เพราะซัพพลายออกมามากกว่าดีมานด์กระทบต่อราคา แต่เชื่อว่าราคาจะไม่ปรับตัวลงหลุดระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยขณะนี้ราคาเคลื่อนไหวที่ 62-63 เหรียญสหรัฐต่อตัน สาเหตุ ราคาถ่านหินที่ปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 8% ก็กระทบต่อรายได้ของบริษัทด้วย เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าไปที่ 30 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาเฉลี่ยถ่านหินในปี 62 อยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในปี 63 แนวโน้มราคาน่าจะดีขึ้น โดยคาดราคาเฉลี่ยที่ 75 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพราะคาดว่าซัพพลายจะหายไป จากปีนี้ที่ราคาตลาดปรับตัวลงมา
สำหรับปี 62 บริษัทตั้งเป้ายอดผลิตและขายถ่านหินไว้ที่ 5.5 -6.0 ล้านตัน จากปีก่อนยอดผลิตและขายถ่านหินอยู่ที่ 6 ล้านตัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขาย 3.1 ล้านตัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 3.45 ล้านตัน
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจถ่านหินที่อ่อนแอ ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์หารายได้อื่นเข้ามาทดแทนรายได้และกำไรจากธุรกิจถ่านหินที่ลดลงไป โดยได้เล็งเห็นเข้าไปธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ที่เป็นพลังงานทดแทนที่มีแนวโน้มจะมาแทนที่ ซึ่งบริษัทมองว่าน่าจะเป็นผู้ซัพพลายวัตถุดิบให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล ในประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่มีแผนขยายโรงไฟฟ้าชีวมวล
บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าซื้อกิจการที่ผลิตไม้ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงป้อนให้กับโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ทางภาคใต้ มีกำลังการผลิต 6 หมื่นตันต่อปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ส.ค.นี้ และกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 ที่มีขนาดกำลังการผลิต 1.2 แสนตันต่อปี โดยจะล็อกผู้ซื้อที่เป็นเกาหลีใต้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ และมีการเจรจาพันธมิตรร่วมลงทุนโรงงานผลิตไม้เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวลในเวียดนาม กำลังการผลิต 1.2 แสนตันต่อปี โดยเลือกล็อกผู้ซื้อเป็นญี่ปุ่น คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ต.ค.นี้
ส่วนการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 55 เมกะวัตต์ (MW) และ กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ นั้น ได้ชะลอออกไป 1 ปีก่อน เพื่อรอความชัดเจนของนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นการย้ายเมืองหลวงใหม่ของอินโดนีเซีย จากกรุงจาการ์ตาบนเกาะชวา มาเมืองหลวงแห่งใหม่บนภูมิภาคกาลิมันตัน บนเกาะบอร์เนียว ขณะที่บริษัทมีเหมือง SGP ตั้งอยู่บนกาลิมันตัน ซึ่งหากมีการย้ายเมืองหลวงมาในพื้นที่ดังกล่าว ก็น่าจะเป็นโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะเชื่อว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก