นายกฯ เยี่ยมชม โซลาร์ลอยน้ำไฮบริด เขื่อนสิรินธร
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เขื่อนสิรินธร เยี่ยมชมโซลาร์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่หวังเพิ่มสีสันให้กับประเทศ
เมื่อ 15 ตุลาคม 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี (hydro- floating Solar Hybrid) หรือโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด โดยมีนายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะผู้บริหาร กฟผ. ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าโครงการ
พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรของ กฟผ. กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบผสมผสานระหว่าง “พลังงานแสงอาทิตย์” และ “พลังน้ำ” ซึ่งช่วยลดโลกร้อน และมีต้นทุนผลิตไฟฟ้าต่ำ จึงควรดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรจะนำโซลาร์เซลล์มาใช้ผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางวัน และนำพลังน้ำมาผลิตไฟฟ้าเสริมในช่วงที่ควะบบามเข้มแสงไม่เพียงพอหรือช่วงกลางคืน ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน ช่วยลดความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียนที่ปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
อีกทั้งการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในพื้นที่อ่างเก็บน้ำในเขื่อนยังช่วยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรม สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนได้ถึงประมาณ 47,000 ตัน/ปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกป่า 37,600 ไร่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมเส้นทางเดินชมธรรมชาติ หรือ Nature Walkway โดยมีมัคคุเทศก์น้อยเป็นผู้นำชม ซึ่งเส้นทางเดินชมธรรมชาติแห่งนี้สามารถชมโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดใหญ่ที่สุดในโลกในมุมสูงอย่างใกล้ชิด และเตรียมผลักดันให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของ จ.อุบลราชธานี โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีกับประชาชน จ.อุบลราชธานี ที่จะได้มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่และช่วยสร้างสีสันด้านการท่องเที่ยวให้กับประเทศ