“บางจาก” ยอดขายน้ำมัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
บางจาก ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2564 มี กำไรสุทธิ 2,284 ล้านบาท เผยยอดจำหน่ายผ่านตลาดน้ำมันค้าปลีกเดือนมีนาคมสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานกลุ่มบริษัทบางจากฯ ในไตรมาสแรกของปี 2564 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 41,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน มี EBITDA 4,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ในไตรมาสนี้กลุ่มบริษัทฯ มี Inventory Gain 2,473 ล้านบาท
เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการวางแผนทยอยเก็บสำรองน้ำมันดีเซลไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นทุนราคาน้ำมันต่ำ เพื่อนำมาจำหน่ายในช่วงที่โรงกลั่นหยุดซ่อมบำรุง ซึ่งมีกำไรจากการเก็บสำรองดังกล่าวกว่า 600 ล้านบาท
ทั้งนี้ปัจจัยหนุนดังกล่าวช่วยลดผลกระทบของค่าการกลั่นพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จากการที่โรงกลั่นบางจากฯ หยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround)แม้ปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจการตลาดจะปรับลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาระบาดระลอกใหม่ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563
อย่างไรก็ตามหลังจากที่การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย ประชาชนกลับมาเดินทางและใช้รถยนต์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายผ่านตลาดค้าปลีกเดือนมีนาคม 2564 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 390 ล้านลิตรต่อเดือน และกลุ่มธุรกิจการตลาดสามารถผลักดันยอดขายน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยมียอดจำหน่าย 8.9 ล้านลิตร ในเดือนมีนาคมซึ่งถือเป็นยอด New high ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันหล่อลื่นสำเร็จรูปในประเทศของบริษัทฯ เพิ่มเป็นร้อยละ 11 จากร้อยละ 9 ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ธุรกิจร้านกาแฟอินทนิลก็สามารถทำยอดจำหน่ายสูงสุดได้เช่นกันในเดือนมีนาคม ซึ่งร้านกาแฟอินทนิลได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเสิร์ฟกาแฟจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% รวมทั้งกระแสของ Inthanin Cocoa Fever โกโก้ในตำนานสุดเข้มข้น ซึ่งถือว่าเป็น hero product ของอินทนิลที่มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดในช่วงเดือนมกราคม
โดยในไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 41,230 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน) มี EBITDA 4,737 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและร้อยละ 286 เมื่อเทียบกับปีก่อน) และมีการบันทึกกลับรายการด้อยค่าทรัพย์สินของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำนวน 400 ล้านบาท
ส่งผลให้ไตรมาสนี้มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 2,284 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 808 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และร้อยละ 149 เมื่อเทียบกับปีก่อน) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.59 บาท