บ้านปู เผย กำไรไตรมาสแรก 1,543 ลบ.
บ้านปูเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไร 1,543 ล้านบาท จากธุรกิจถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูงขึ้น
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยผลการดำเนินธุรกิจไตรมาสแรกของ 2564 มีกำไรสุทธิ 51 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,543 ล้านบาท) โดยมีรายได้จากการขายรวม 736 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 22,269 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 102 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,086 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ16 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 274 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,290 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 110 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,328 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 67 จากผลประกอบการที่ดีขึ้นของธุรกิจถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่มีราคาสูงขึ้น
รวมถึงการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพอร์ตธุรกิจตามแผนธุรกิจ 5 ปี ฉบับใหม่ ปี 2564 – 2568 การนำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัล หรือ Digital transformation เข้ามาผสมผสานเพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม ทำให้ 3 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างผลประกอบการที่ดีในปี 2564 แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความผันผวนของระบบเศรษฐกิจโลกและวิกฤตโควิด-19 ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2564 ของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่
กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ด้านธุรกิจเหมือง ใน 3 ประเทศอันได้แก่ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และ จีน รายงานผลประกอบการที่ดี ซึ่งได้รับอานิสงค์จากราคาตลาดถ่านหินโลกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากความต้องการหรืออุปสงค์ในการใช้ถ่านหินที่สูงขึ้นในขณะที่มีปริมาณการผลิตโดยรวมออกสู่ตลาดลดลง
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CHPs) ในจีนมีการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำเพื่อตอบสนองความต้องการของทั้งชุมชนและภาคอุตสาหกรรม ส่วนโรงไฟฟ้าเอชพีซีและโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังคงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากรายงานดัชนีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ร้อยละ 83 และ 85 ตามลำดับ
เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนและญี่ปุ่น ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ และมีปริมาณการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า 2 แห่งในญี่ปุ่น ได้แก่ Yamagata และ Yabuki ในขณะที่โครงการพลังงานลม Vinh Chau ระยะที่ 1 ในเวียดนามได้ก่อสร้างโดยสร้างฐานของกังหันลมแล้วเสร็จ และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างที่ร้อยละ 57
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้บ้านปู เน็กซ์ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้แก่โครงการ ซัมเมอร์ ลาซาล (Summer Laselle) ซึ่งเป็นโครงการสำนักงานให้เช่ารูปแบบใหม่ในคอนเซปต์ออฟฟิศแคมปัสแห่งแรกในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังมีการขยายการให้บริการของรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามูฟมีเพิ่มเป็นจำนวน 100 คัน ในขณะที่ธุรกิจซื้อขายพลังงานไฟฟ้าในญี่ปุ่นได้มีการทำสัญญาเพิ่มเติมจากลูกค้ารายใหม่คือ สถาบัน Inter-University Research Organization ในกรุงโตเกียว จำนวน 10 กิกะวัตต์ชั่วโมงเป็นระยะเวลา 1 ปี