จีนเชื่อมั่นมากขึ้น คุมระบาดโควิด-19 ได้
แม้ทางการจีนยอมรับว่า การจัดการสถานการณ์โควิด-19 กำลังประสบกับภาวะกดดันยิ่งขึ้น ทำให้ยังคงต้องมีมาตรการคุมเข้มทั่วประเทศ แต่มีสัญญาณชัดว่าจีนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นในการสกัดและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
ไม่เหมือนกับการระบาดระลอกสองและระลอกสามในสหรัฐฯและยุโรป ที่ทำให้โรงพยาบาลเกือบจะถึงจุดที่รองรับผู้ป่วยไม่ไหวแล้ว เพราะจีนสามารถจัดการที่จะควบคุมคลัสเตอร์การติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในเซี่ยงไฮ้ เทียนจิน มองโกเลียในและซินเจียงอุยกูร์
ผู้เชี่ยวชาญและผู้สังเกตการณ์ของจีนชมเชยระบบการตรวจหาเชื้อ การสอบสวนหาเส้นทางการติดเชื้อ รวมถึงระบบจัดระดับเสี่ยงของโรค ซึ่งจำกัดการเดินทางของประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. หน่วยงานสาธารณสุขเผยว่า รัฐบาลจีนได้เพิ่มศักยภาพในการติดตามการติดเชื้อในช่วงฤดูหนาว ด้วยการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เกือบ 3 ล้านคน และจัดตั้งคลินิกวัดไข้ 7,000 แห่งในเมืองระดับเทียร์ 1 และเทียร์ 2
ในพื้นที่ห่างไกลอย่างคัชการ์ในซินเจียง และหม่านโจวหลี่ ในมองโกเลียใน ซึ่งศักยภาพในการติดตามเส้นทางการติดเชื้อ อาจยังไม่เท่ากับพื้นที่ในเมือง การติดเชื้อในคลัสเตอร์ทำให้ต้องมีการตรวจหาเชื้อจำนวนมาก
โดยในคัชการ์ หญิงวัย 17 ปีคนหนึ่งตรวจพบว่าติดเชื้อในการตรวจช่วงปลายเดือนต.ค. ทำให้ต้องมีการตรวจหาเชื้อกับประชาชนทั้งเมืองถึง 4.7 ล้านคน จากรายงานของสื่อช่วงปลายเดือนพ.ย.
มีการรายงานสถานการณ์เดียวกันในเมืองหม่านโจวหลี่ในมองโกเลียใน เมืองที่มีประชากรกว่า 200,000 คน ตั้งอยู่ใกล้พรมแดนรัสเซีย ที่มีการตรวจหาเชื้อทั้งเมืองเป็นรอบที่ 3 หลังพบการติดเชื้อในช่วงปลายเดือนพ.ย.
ตรงข้ามกับการติดเชื้อในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน ซึ่งมีมาตรการตรวจหาเชื้อเฉพาะจุด โดยในเซี่ยงไฮ้ มีการตรวจพนักงานที่ทำงานในสนามบินฝู่ตง โรงพยาบาลในชุมชนและย่านใกล้เคียงที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่เทียนจินมุ่งตรวจกับประชาชนในเขตปินไห่ ซึ่งพบการติดเชื้อครั้งแรก
ในตอนนี้ ทางการจีนให้ความสำคัญกับอาหารแช่แข็งนำเข้าและเชนขนส่งอาหารแบบควบคุมอุณหภูมิ มีการตรวจหาเชื้อพนักงานที่จัดการกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และมีเกณฑ์การฆ่าเชื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก่อนเข้าสู่ตลาด
สื่อจีนรายงานเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ว่า มี 16 พื้นที่ระดับมณฑลที่ตรวจพบโควิด-19 บนอาหารแช่แข็ง
ในสัปดาห์นี้ (2 ธ.ค.) มี 55 รายในมณฑลเจ้อเจียงที่ถูกกัตัว หลังพบตัวอย่างเนื้อหมูแช่แข็งนำเข้าจากบราซิลที่ปนเปื้อนไวรัสโคโรนา
จากเป้าหมายที่มุ่งให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเป็นศูนย์ และจนกว่าจะมีวัคซีนใช้อย่างทั่วถึง จีนมีแนวโน้มจะใช้ยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า “การดับไฟ” อย่างต่อเนื่อง โดยมีความเชื่อมั่นอย่างเงียบๆว่ายุทธศาสตร์นี้จะได้ผล
“เมื่อเทียบกับช่วงแรกเริ่มของการระบาด ที่ขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์และการจัดการสถานการณ์ไม่ดี ปัจจุบัน เรามีประสบการณ์ที่เพียบพร้อมในการต่อสู้กับโรคระบาด” สื่อจีนรายงาน