จีนไม่อนุมัติดีล TikTok
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ของจีนรายงานว่า จีนไม่มีเหตุผลที่จะอนุมัติดีลที่ “สกปรกและไม่ยุติธรรม” บนพื้นฐานของ “การกลั่นแกล้งและบีบบังคับ” ขณะที่บ.ออราเคิลและวอลมาร์ทระบุว่าได้ทำข้อตกลงกับบ.ไบต์แดนซ์แล้ว
“ สิ่งที่สหรัฐฯทำกับ TikTok เกือบจะเหมือนกับแก๊งอันธพาลที่ขู่เข็ญบีบบังคับบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายให้ทำธุรกิจที่ไร้เหตุผลและไม่ยุติธรรม” สื่อไชน่าเดลี่ระบุในบทบรรณาธิการ
โดยทั้งสามบริษัทออกแถลงการณ์ที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเงื่อนไขข้อตกลงที่หวังว่าจะทำให้แอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง TikTok ยังคงดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องในสหรัฐฯ ที่ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯมีคำสั่งแบนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งาน
ไบต์แดนซ์ระบุว่า จะจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ที่ชื่อ Tik Tok Global ซึ่งทางบริษัทจะถือหุ้น 80%
อย่างไรก็ตาม ออราเคิลและวอลมาร์ทกลับระบุว่า หุ้นใหญ่ใน TikTok Global จะอยู่ในมือของผู้ถือหุ้นอเมริกัน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ระบุให้ไบต์แดนซ์เปลี่ยนการเป็นเจ้าของ TikTok ภายใน 90 วัน
“ ความมั่นคงของชาติกลายเป็นอาวุธทางเลือกของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องการควบคุมการเติบโตของบริษัทจากต่างชาติที่โดดเด่นเกินหน้าบริษัทในสหรัฐฯ” บทบรรณาธิการระบุ “ ไบต์แดนซ์ ไม่เพียงสูญเสียอำนาจในการบริหารบริษัท แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยีหลักที่สร้างสรรค์ขึ้นมาและเป็นเจ้าของ”
“ จีนไม่มีเหตุผลที่จะเปิดไฟเขียวให้กับดีลแบบนี้”
บทบรรณาธิการของสื่อไชน่า เดลี่มีขึ้นหลังจากการตีพิมพ์ของสื่อโกลบอลไทม์สช่วงสายเมื่อวันที่ 21 ก.ย. ซึ่งระบุว่า จีนมีแนวโน้มที่จะไม่อนุมัติดีลนี้
โดยสื่อโกลบอล ไทม์สรายงานว่า บริษัทอเมริกันรายใหญ่ทั้งสองแห่งระบุว่าจะเข้าซื้อหุ้นหลักใน TikTok Global ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งใหม่ในสหรัฐฯ และมีบอร์ดบริหารที่ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนอเมริกัน
นอกจากนี้ ทางสื่อยังประณามความต้องการของไบต์แดนซ์ที่จะเปิดเผย source code ให้ออราเคิล และวิจารณ์แนวโน้มของ TikTok Global ที่จะบล็อกไม่ให้จีนเข้าถึงแอปได้
TikTok ไม่เคยเปิดให้บริการในจีน และมีผู้ใช้งานกว่า 100 ล้านคนในสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับโต่วอิน แอปดั้งเดิมของ TikTok ในจีนที่มีผู้ใช้งานประมาณ 600 ล้านคนในจีน
“ เนื่องจาก TikTok และ โต่วอิน มี source code เดียวกัน ซึ่งหมายความว่า สหรัฐฯจะสามารถรับรู้การดำเนินการของโต่วอินได้”
“หากการปรับโครงสร้างของ TikTok ภายใต้การควบคุมของสหรัฐฯ กลายเป็นโมเดลขึ้นมา หมายความว่าบริษัทจีนที่ประสบความสำเร็จและเติบโตขยายธุรกิจไปสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ จะตกเป็นเป้าหมายของรัฐบาลอเมริกัน และกลายเป็นบริษัทถูกสหรัฐฯ ควบคุมด้วยกลโกงและการบีบบังคับ ซึ่งสุดท้ายแล้วผลประโยชน์จะตกเป็นของสหรัฐฯ”
ขณะที่อีกบทความหนึ่งของโกลบอล ไทม์สที่ตีพิมพ์ช่วงสายของวันที่ 22 ก.ย.ระบุว่าดีลนี้ “เป็นการขู่กรรโชก”
“ จีนเป็นประเทศใหญ่ที่จะไม่ยอมรับการแบล็คเมลจากสหรัฐฯ และจะไม่ยอมส่งมอบอำนาจในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีของจีนที่โดดเด่นให้กับผู้ที่ขู่เข็ญบังคับ”