จีนใช้จ่ายน้อย ฟื้นตัวจากโควิด-19 ช้าเกินคาด
ปักกิ่ง : เมื่อวันที่ 14 ส.ค. การค้าปลีกของจีนปรับลดลงในเดือนก.ค. ชี้ให้เห็นว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศที่ซบเซาอาจส่งผลชะลอการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนจากการระบาดของโควิด-19
การค้าปลีก ( ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญของความเชื่อมั่นผู้บริโภค) หดตัวปรับลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์และชี้ให้เห็นว่า ชาวจีนจำนวนมากยังคงไม่ออกไปใช้เวลาจับจ่ายใช้สอยมากเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าจีนดูจะควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสได้แล้วก็ตาม
ข้อมูลล่าสุดมีขึ้นหลังจากเดือนมิ.ย. ตัวเลขค้าปลีกดิ่งลง 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยนักวิเคราะห์จากสื่อบลูมเบิร์กทำนายว่าการค้าปลีกจะฟื้นตัวและเติบโต 0.1%
อุตสาหกรรมธุรกิจรับจัดเลี้ยงยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยตัวเลขยอดขายดิ่งลงถึง 11%
ภาคค้าปลีกมีบทบาทสำคัญมากขึ้นกับเศรษฐกิจของจีน เนื่องจากบรรดาผู้นำส่งเสริมให้พึ่งพาผู้บริโภคในประเทศ มากกว่าการค้าและการลงทุน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต
การบริโภคในประเทศมีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดีมานด์ภายนอกอ่อนแรงลง เนื่องจากทุกประเทศยังคงต้องใช้งบประมาณในการต่อสู้กับการระบาด
ฝูหลิงฮุย โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ข้อมูลแสดงให้เห็นถึง “ แนวโน้มการฟื้นตัวที่มีเสถียรภาพ”
การผลิตอุตสาหกรรมเติบโต 4.8% ในเดือนก.ค. อยู่ในระดับเดียวกันกับเดือนมิ.ย. แต่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากบลูมเบิร์กที่ระบุว่าจะขยายตัวเติบโต 5.2%
จีนกำลังดำเนินการขับเคลื่อนเพื่อให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมาจากที่เคยติดลบในไตรมาสแรกจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งชัทดาวน์กิจกรรมทางธุรกิจส่วนใหญ่ และบีบให้ทุกคนทั่วประเทศอยู่บ้าน
โดยโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งอุบัติขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วในเมืองอู่ฮั่น ส่งผลกระทบทำลายธุรกิจและตำแหน่งงานหลายล้านอัตราทั่วโลก
ขณะที่เศรษฐกิจของหลายประเทศมหาอำนาจดิ่งฮวบลงสู่ภาวะถดถอย ข้อมูลของจีนชี้ว่า เศรษฐกิจโดยทั่วไปฟื้นตัวได้เร็วกว่า เนื่องจากเป็นประเทศแรกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และควบคุมการระบาดได้เร็ว
จีดีพีของจีนขยายตัวเติบโตถึง 3.2% ในเดือนเม.ย. – มิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์และปรับเพิ่มขึ้นมากจากที่เคยหดตัวถึง 6.8% ในไตรมาสแรก