จีนโต้ไม่ปกปิดข้อมูลโควิด-19
ปักกิ่ง (บลูมเบิร์ก) – จีนโต้กลับคำกล่าวหาที่ว่า ปกปิดข้อมูลการระบาดของไวรัสโคโรนา โดยระบุในสมุดปกขาวที่ตีพิมพ์ล่าสุดว่า มีความโปร่งใสและให้ข้อมูลกับโลกในเวลาที่เหมาะสม
“นักการเมืองและสื่อตะวันตกจำนวนหนึ่งสันนิษฐานว่าจีนมีความผิดจากการเป็นต้นตอไวรัส ตีตราจีนเรื่องไวรัสและเล่นการเมืองจากการระบาดนี้ ” ซูหลิน ผอ.สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของรัฐ (State Council Information Office) ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา
“สมมติฐานที่สร้างขึ้น อย่างจีนเป็นต้นกำเนิดไวรัส หรือ จีนปกปิดการระบาดของไวรัส และ เป็นความรับผิดชอบของจีน เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง ไร้เหตุผล และขาดความเคารพอย่างที่สุด”
ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 400,000 รายทั่วโลก โรคระบาดโควิด-19 กลายเป็นจุดตึงเครียดในความสัมพันธ์ของจีนกับหลายประเทศ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาซ้ำๆว่าเป็นความผิดของจีนที่ล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนา และส่งต่อการระบาดมาที่สหรัฐฯ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นอันดับ 1 ของโลก ทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
จีนโต้ตอบด้วยการกระทำ โดยส่งความช่วยเหลือทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเวชภัณฑ์ไปยังหลายประเทศที่ต่อสู้กับการติดเชื้ออย่างหนัก โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้คำมั่นว่าจะพัฒนาวัคซีนให้กลายเป็นสินค้าทั่วโลก
ขณะเดียวกัน จีนพยายามจะโต้กลับทฤษฎีที่ว่าไวรัสมีต้นกำเนิดในจีน โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศผนึกกำลังในการเผยแพร่ทฤษฎีข้อมูลที่ว่าการระบาดเชื่อมโยงมาจาก ทหารจากกองทัพสหรัฐฯที่เดินทางเข้ามาร่วมการแข่งขันกีฬาทหารโลกในเมืองอู่ฮั่นของจีนช่วงปลายปีที่แล้ว
โดยสมุดปกขาวที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. โดยสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของรัฐอธิบายถึงการกล่าวหาที่ว่าจีนปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส หรือไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริง
นอกจากนี้ ยังชี้ว่า จีนแชร์ข้อมูล “ที่ชัดเจนและโปร่งใส” แต่กลับถูกเพิกเฉยจากหลายประเทศ ซึ่งพยายามจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของจีน
“ขณะที่หลายประเทศทำลายชื่อเสียงของจีนเพื่อปัดความรับผิดชอบในประเทศของตัวเอง จีนจะสู้กลับเพื่อโต้ตอบกับการกล่าวโทษเช่นนั้น” หม่าเจ้าซู รมช.ต่างประเทศระบุในการแถลงข่าว
แม้ในสมุดปกขาว หรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีน จะไม่ได้ระบุชื่อประเทศสหรัฐฯโดยตรง แต่การแถลงข่าวในวันที่ 7 มิ.ย.นับเป็นการพุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ อย่างชัดเจน
ที่ผ่านมาผู้นำสหรัฐฯและไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างสถาบันไวรัสวิทยาในอู่ฮั่น ซึ่งมีห้องแล็บที่ศึกษาเชื้อโรคที่อันตรายในเมืองซึ่งไวรัสอุบัติขึ้นเป็นครั้งแรก และการระบาด
โดยปอมเปโอกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่า มีหลักฐานจำนวนมหาศาลที่จะสอบสวนแกะรอยย้อนไปถึงห้องแล็บในอู่ฮั่นได้
จีนโต้ว่า การกล่าวหาเป็นการสร้างเรื่องขึ้นทั้งหมด และชี้ว่าเนื่องจากเป็นปีที่จะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯปลายปีนี้ ยิ่งสะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของสหรัฐฯในการรับมือกับการระบาดในประเทศตัวเอง
ขณะเดียวกัน ในสมุดปกขาวยังให้คำมั่นว่าจีนจะผลิตเวชภัณฑ์ในการต่อสู้กับโรคระบาดเข้าสู่ตลาดโลก รวมถึงยา สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันและซัพพลายอื่นๆ โดยจีนจะเปิดตลาดอย่างต่อเนื่อง ขยายการนำเข้าและลงทุนในประเทศอื่นๆ และยังคงให้ความช่วยเหลือหลายประเทศในการต่อสู้กับไวรัส และสร้างเสถียรภาพให้เศรษฐกิจทั่วโลก
หม่าเจ้าซู รมช.ต่างประเทศของจีนยังโต้แย้งว่า ความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศส่วนใหญ่ยิ่งมีความมั่นคงมากขึ้นในช่วงโรคระบาด
“ความสัมพันธ์กับมิตรสหายของเรายิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น และความสัมพันธ์ของเรายิ่งขยายวงกว้างมากขึ้น” เขากล่าว