จีนชี้สหรัฐฯ เหยียดผิวเรื้อรังจนประท้วงเดือด
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. จีนระบุว่าเหตุความไม่สงบที่ลุกลามในสหรัฐฯ เน้นให้เห็นปัญหาการเหยียดผิวที่ฝังรากลึก และความรุนแรงของตำรวจ และแสดงถึงความมีสองมาตรฐานของรัฐบาลสหรัฐฯในการสนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง
“ ชีวิตของคนผิวสีก็เป็นชีวิตเหมือนกัน สิทธิมนุษยชนของพวกเขาก็ต้องได้รับการคุ้มครอง ” เจ้าหลี่จ้าน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่ง โดยอ้างถึงเหตุการทำร้ายชายผิวสีไร้อาวุธในมินนิอาโพลิส
“ การเหยียดผิวกลุ่มชาติพันธุ์คนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯเป็นโรคเรื้อรังของสังคมอเมริกัน” โฆษกกระทรวงต่างประเทศกล่าว
“สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและความรุนแรงของตำรวจในสหรัฐฯ”
บรรดานักการทูตและสื่อภาครัฐของจีนได้จับเอาประเด็นเหตุความไม่สงบที่รุนแรงจากกรณีการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์มากล่าวหาสหรัฐฯ เรื่องการเสแสร้งแกล้งทำ และเปรียบผู้ประท้วงชาวอเมริกันกับผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง
ที่ผ่านมา จีนถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงจากประเทศตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ในประเด็นการรับมือของตำรวจฮ่องกงกับการประท้วงที่ยืดเยื้อนานหลายเดือนในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้ว
โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เจ้าระบุว่า การรับมือกับการประท้วงในบ้านตัวเองของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็น “ ตำราเรียนที่แสดงตัวอย่างการมีสองมาตรฐานที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก”
“ ทำไมสหรัฐฯ จึงยกย่องเชิดชูการประท้วงในฮ่องกง และผู้ก่อเหตุความรุนแรงในชุดดำว่าเป็นฮีโร่และนักเคลื่อนไหว ขณะที่เรียกผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิวว่าเป็น ผู้ก่อการจลาจล ” เจ้ากล่าว
จีนย้ำว่า ‘อำนาจจากต่างชาติ ’ เป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งในฮ่องกง (ซึ่งรัฐบาลจีนระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตยเป็นผู้ก่อการจลาจล) สนับสนุนให้เกิดการชุมนุมเดินขบวนนับล้านคนตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และมีการปะทะกับตำรวจอยู่บ่อยครั้ง
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนจุดชนวนความโกรธเคืองและความกังวลในเดือนพ.ค.ด้วยการลงมติเห็นชอบกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกับฮ่องกง ซึ่งจีนระบุว่าจำเป็นต้องมีการควบคุม “การก่อการร้าย ”
ทำให้จีนถูกประณามจากนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยและประเทศตะวันตกว่า เป็นความพยายามอีกครั้งที่จะลิดรอนเสรีภาพในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
ขณะที่หัวชุนหยิง โฆษกหญิงของกระทรวงต่างประเทศก็พุ่งเป้าโจมตีวอชิงตันเช่นกัน
“ ฉันหายใจไม่ออก ” เธอโพสต์บนทวิตเตอร์ โดยมีภาพจากทวีตของโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯมอร์แกน ออร์ทากัสที่วิจารณ์นโยบายของจีนที่มีกับฮ่องกง
โดยโฆษกหัวได้เน้นย้ำถึงข้อความสุดท้ายของฟลอยด์ที่ว่า “ ผมหายใจไม่ออก” ขณะที่เขาวิงวอนตำรวจที่ใช้เข่ากดคอของเขานานเกือบ 9 นาทีจนเขาเสียชีวิต