จีนเตือนประชาชนป้องกันไวรัสต่อ
ทางการจีนเตือนประชาชนว่า อย่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มโดยไม่มีความจำเป็น หรือปล่อยปละละเลย ไม่ป้องกันตัวเองจากไวรัสอีก แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโรคจะลดลงก็ตาม
หนึ่งเดือนหลังการปิดเมืองอู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย ความพยายามที่จะหยุดการระบาดของไวรัสในพื้นที่อื่นของจีนดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพดี
แม้จะมีสัญญาณเชิงบวก แต่สำนักข่าวซินหัวย้ำเตือนการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์
“จุดเปลี่ยนของการควบคุมการระบาดยังมาไม่ถึง และความพยายามในการป้องกันและควบคุมโรคในหูเป่ยและอู่ฮั่นยังคงยากและซับซ้อน” จากรายงานของสำนักข่าวซินหัวในวันที่ 23 ก.พ.
“ มีคนจำนวนมากที่ต้องการรักษา เรายังเข้าใจเส้นทางการแพร่เชื้อไม่ทะลุปรุโปร่ง”
“ การควบคุมการระบาดยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราไม่อนุญาตให้มีการรวมตัวกัน หรือการมาทำงานโดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ”
สถานีโทรทัศน์ CCTV ยังคงเตือนประชาชนไม่ให้รวมตัวกัน
แม้จะมีคำเตือน แต่หลายคนยังออกนอกบ้าน โดยเมืองกวางหยวนในมณฑลเสฉวน ประชาชนนับพันคน และหลายคนไม่สวมหน้ากาก เดินทางไปที่ลี่โจวสแควร์ในวันที่ 21 ก.พ.เนื่องจากร้านขายชากลับมาเปิดอีกครั้ง จากภาพที่แชร์กันในโซเชีบลมีเดีย
ภาพวีดีโอนี้ทำให้เกิดแฮชแท็ก #กวางหยวนถอดแมสก์และรวมกันดื่มชา แต่ทางการเข้าแทรกแซงโดยเร็วและห้ามการรวมกลุ่มกันเช่นนี้ โดยขอให้แต่ละคนยังคงอยู่ห่างกัน 1.5 เมตร
ขาวเน็ตหลายคนโกรธที่มีการรวมตัวกันเช่นนั้น
“ พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ? ไม่กลัวตายเลยหรือ ? รัฐบาลไม่ดูแลเรื่องนี้เลยหรือ ? อย่าทำลายสิ่งที่เราพยายามทำมาทั้งหมดสิ !!! ” ชาวเน็ตรายหนึ่งคอมเมนต์
ขณะที่เมืองกวางโจว ในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน มีลูกค้ายืนเข้าแถวต่อคิวหน้าร้านอาหารในวันที่ 21 ก.พ. โดยก่อนหน้านี้ ทางเมืองอนุญาตให้ประชาชนสั่งอาหารกลับบ้านเท่านั้น
นอกจากนี้ ชาวเมืองหลวงยังออกจากบ้านมุ่งหน้าไป Fragrant Hills Park ซึ่งอยู่ในเขตเมืองชั้นในของกรุงปักกิ่ง และต่อคิวซื้อซุปเผ็ด ซึ่งเป็นอาหารเช้าดั้งเดิมในเจิ้งโจวเมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา
หูสีจิน บก.บริหารสื่อพีเพิลเดลีกระตุ้นให้ผู้คนคิดทบทวนให้ดีก่อนที่จะออกจากบ้าน
“ โปรดจำไว้ว่า สถานการณ์ในหูเป่ยยังคงอันตรายอยู่ และอย่าคิดว่าการระบาดยุติแล้ว นี่ยังห่างไกลอีกมาก โปรดมีความรับผิดชอบต่อตัวคุณและครอบครัวของคุณด้วย” เขาระบุในบล็อกส่วนตัวของเขา
“ รัฐบาลท้องถิ่นไม่ควรจะเข้าใจผิดถึงข้อเรียกร้องของรัฐบาลกลางที่ให้กลับมาทำงานและดำเนินการผลิตอีกครั้ง ซึ่งไม่ได้หมายความว่า รัฐสนับสนุนให้คนมาอยู่รวมกันมากๆ อีกทันที”
เจียงอี้ตง วัย 34 ปี ซึ่งทำงานในกวางโจว แต่ตกค้างอยู่ในเมืองบ้านเกิดคือเมืองอันชานนานหลายสัปดาห์แล้ว
เจียงระบุว่า เธอไม่สามารถออกจากบ้านไปพบเพื่อนเก่าของเธอได้เลย และเริ่มรู้สึกแย่ที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน แต่เธอตกใจมากที่เห็นคนจำนวนมากมานั่งดื่มชาด้วยกันในกวางหยวนสแควร์
“ ฉันไม่ออกไปเข้าแถวต่อคิวร้านอาหาร หรือดื่มชาข้างนอก ฉันจะไม่ยอมเสี่ยงกับสุขภาพตัวเองและของคนอื่น” เธอกล่าว.