มณฑลหูเป่ยสั่งทุกคนอยู่บ้าน
รัฐบาลมณฑลหูเป่ยยกระดับการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการสั่งให้ผู้อาศัยในมณฑล รวมทั้ง 24 ล้านคนในพื้นที่ชนบท อยู่แต่ในบ้านจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมจากทางรัฐบาล
คำสั่งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเกือบ 1,700 ราย รวมทั้งมีรายงานผู้เสียชีวิตรายแรกในยุโรปและไต้หวันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. รัฐบาลกลางระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดลงต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 3 จนถึงวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา
ชายวัย 60 ปี ซึ่งมีอาการป่วยรุนแรงเสียชีวิตด้วยโรคปอดอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือดเมื่อวันที่ 15 ก.พ. เป็นผู้เสียชีวิตรายแรกจากไวรัสโควิด -19 ในไต้หวัน จากถ้อยแถลงของเฉินชีชุง รมว.กระทรวงสาธารณสุขไต้หวัน
“ ชายผู้นี้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ เพราะสิงคโปร์รายงานว่ามีผู้ป่วยไม่กี่คนที่ไม่มีประวัติการเดินทาง เราตัดสินใจตรวจเขาว่าติดเชื้อไวรัสหรือไม่ และพบว่าผลเป็นบวก ”
เขากล่าวว่า ชายคนนี้เป็นคนขับแท็กซีที่ไม่มีใบอนุญาต และผู้โดยสารส่วนใหญ่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกงและมาเก๊า
ขณะที่บนเรือสำราญ Diamond Princoess ที่ถูกจอดกักกันโรคนอกชายฝั่งญี่ปุ่น มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสเพิ่มอีก 70 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อบนเรือทั้งหมดเพิ่มเป็น 355 ราย ทำให้ทางการสหรัฐฯ แคนาดา และฮ่องกงเร่งดำเนินการแผนอพยพฉุกเฉินพลเมืองออกจากเรือ
นอกจากนี้ พลเมืองอเมริกันซึ่งเป็นอดีตผู้โดยสารบนเรือสำราญ Westerdam ที่เดินทางถึงมาเลเซีย หลังจากเทียบท่าที่สีหนุวิลล์ในกัมพูชา ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในวันที่ 15 ก.พ. ทำให้เกิดความกังวลว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก
มีการรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสนี้รายแรกในเดือนธ.ค.ที่เมืองอู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย และตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อประมาณ 70,000 รายและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจจีนอย่างรุนแรง
มณฑลหูเป๋ย ที่มีผู้อาศัยอยู่ถึง 58 ล้านคน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 80% ของผู้ป่วยทั้งหมด เมื่อวันที่ 15 ก.พ. มณฑลหูเป่ยรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,834 รายจากผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศ 2,009 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิต 139 รายจากทั้งหมด 142 รายทั่วประเทศ
มาตรการนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน จีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส และบังคับใช้กับอีกหลายเมืองในเวลาต่อมา
แต่ตอนนี้ รัฐบาลกลางพยายามปรับสมดุลความจำเป็นในการควบคุมการระบาดกับความจำเป็นในการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติในที่ซึ่งควบคุมสถานการณ์ได้
หลายพื้นที่ของจีนผ่อนปรนการควบคุมในการเคลื่อนไหว เพื่อเป็นการขานรับกับข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้ฟื้นฟูการผลิต
อย่างไรก็ตาม เมืองที่เป็นศูนย์กลางความเจริญและเมืองชายฝั่ง ซึ่งเผชิญกับสถานการณ์การเดินทางกลับมาของแรงงานอพยพหลังจากมีการขยายเวลาช่วงวันหยุดตรุษจีนออกไป ยังคงมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับผู้ที่เดินทางเข้ามา อย่างเช่นกรุงปักกิ่ง ที่มีการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาในเมืองนาน 14 วัน
ขณะที่มาตรการด้านสาธารณสุข ธนาคารกลางของจีน สาขากวางโจว ตัดสินใจทำลายธนบัตรทั้งหมดที่เก็บรวบรวมจากตลาดสด โรงพยาบาลและรถเมล์ที่มีความเสี่ยงสูงจากไวรัส จากรายงานของสำนักข่าว Caixin.