จีนบริโภคน้ำมันลดลง 20% จากไวรัส
สิงคโปร์ (บลูมเบิร์ก) – ดีมานด์การใช้น้ำมันของจีนลดลงประมาณ 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 20% ของการบริโภคโดยรวม เนื่องจากไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน จากข้อมูลของแหล่งข่าวที่อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานของจีน
เป็นดีมานด์ที่ลดลงครั้งใหญ่ที่สุดของตลาดน้ำมันในจีน นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2551 – 2552 และเหตุก่อการร้าย 9/11 ในสหรัฐฯ เป็นต้นมา
จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นมาในปี 2559 การเปลี่ยนแปลงของการบริโภคในจีนส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับตลาดพลังงานทั่วโลก ตามปกติแล้ว จีนบริโภคน้ำมันประมาณ 14 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับปริมาณการบริโภคน้ำมันของฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้รวมกัน
ผู้บริหารน้ำมันของจีนและตะวันตก ซึ่งให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เพราะไม่มีอำนาจในการเปิดเผยต่อสาธารณะ ให้ความเห็นว่า การบริโภคลดลงกว่าปกติในช่วงนี้ของปีมาโดยตลอด หลังจากเกิดวิกฤต ถือว่าดีมานด์ยังลดลงไม่มากนัก
จีนมีการปิดหลายเมืองในมณฑลหูเป่ย ทำให้พลเมืองหลายล้านคนถูกกักบริเวณในช่วงวันหยุดตรุษจีน มีการยกเลิกเที่ยวบินและรัฐบาลทั่วโลกพยายามควบคุมการระบาดของไวรัส เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ธนาคารกลางของจีนออกมาตรการทางการเงินเพิ่มขึ้นเพื่อหนุนสภาพคล่อง
การทรุดตัวลงของการบริโภคน้ำมันของจีนเริ่มส่งผลกับตลาดพลังงานทั่วโลก ยอดขายน้ำมันในลาตินอเมริกามาที่จีนลดลงครึ่งหนึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ยอดขายน้ำมันดิบแอฟริกันตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันดั้งเดิมของโรงกลั่นจีน ชะลอตัวลงกว่าปกติ จากข้อมูลของผู้ค้า
ตามปกติแล้ว ในช่วงวันหยุดปีใหม่ ดีมานด์ของน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากชาวจีนหลายร้อยล้านคนเดินทางกลับบ้าน ขณะที่การบริโภคน้ำมันในกิจกรรมอุตสาหกรรมลดลง
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ซึ่งเป็นมาตรวัดราคาน้ำมันทั่วโลก ลดลงประมาณ 14% หลังวันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นมา เมื่อตลาดการเงินเริ่มตระหนักถึงวิกฤตสาธารณสุขในจีนที่ร้ายแรงขึ้น โดยราคาของวันที่ 3 ก.พ.ลดลง 13% ลงมาอยู่ที่ 55.88 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลในกรุงลอนดอน เป็นราคาปิดต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2562 เป็นต้นมา
สำหรับตอนนี้ กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันโอเปกมีการเรียกประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ และคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคจะรายงานกลับมาที่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านพลังงาน