ไวรัสโคโรนากระทบศก.จีนมากกว่า Sars
นักวิเคราะห์มองว่า โรคระบาดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนเป็นภัยคุกคามต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนมากกว่าโรค Sars ซึ่งเคยระบาดเมื่อ 15 ปีก่อน
โดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ซึ่งผุดขึ้นในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นเมืองทางตอนกลางของจีน แต่แพร่ระบาดไปทุกมณฑล เทศบาลนคร และเขตปกครองตนเองของจีน ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงกับเศรษฐกิจจีน หลังจากจีนเพิ่งลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 กับสหรัฐฯ
เนื่องจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ระบาดขึ้นมาในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตต่ำที่สุดในรอบเกือบ 3 ทศวรรษ โดยชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 6.1% ในปี 2562
จนถึงตอนนี้ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้คร่าชีวิตผู้ป่วยไปแล้วอย่างน้อย 170 รายในจีน และทำให้มีผู้ติดเชื้อเกือบ 8 พันรายทั่วโลก เกือบเท่ากับจำนวนผู้ติดเชื้อโรค Sars เมื่อปี 2545 – 2546
ตั้งแต่โรคเริ่มระบาดและรัฐบาลพยายามควบคุม ส่งผลทำให้อุตสาหกรรมบันเทิง การค้าและการเดินทางทั่วประเทศถูกระงับ ทำให้ช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ที่เคยเป็นช่วงเวลาของการใช้จ่ายเงิน กลายเป็นความเงียบเหงา
ขณะที่มีความหวังว่าไวรัสตัวนี้จะส่งผลกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนกับโรค Sars แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า โรคระบาดนี้อาจสร้างบาดแผลที่ลึกกว่า
จางหมิง นักวิจัยที่ Chinese Academy of Social Science ระบุว่า หากมองสถานการณ์ในเชิงบวกที่สุดคือ หากสามารถควบคุมโรคระบาดได้ในช่วงปลายเดือนมี.ค. GDP ของจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ก็จะเติบโตต่ำกว่า 5 %
ตั้งแต่ปี 2546 แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนได้เปลี่ยนจากการพึ่งพาดีมานด์ต่างประเทศและการลงทุนมาเป็นการบริโภคในประเทศและบริการ แม้ความเสียหายที่มีกับการบริโภคและบริการจะคล้ายกับโรค Sars แต่ผลกระทบด้านลบกับเศรษฐกิจ “จะมากกว่า” จางกล่าว
“ ในปี 2546 จีนอยู่ในวิถีเศรษฐกิจขาขึ้น แต่เศรษฐกิจจีนตอนนี้เป็นแนวโน้มขาลง” จางระบุในเอกสาร
GDP ของจีนในปี 2562 มีขนาดใหญ่กว่าปี 2546 ประมาณ 9 เท่า จากค่าเงินปัจจุบัน มูลค่าของการค้าปลีกจีน ซึ่งเป็นมาตรวัดโดยทั่วไปของขนาดตลาด ในปี 2546 จะเท่ากับมูลค่าประมาณ 40 วันของปี 2562
รัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงในเซี่ยงไฮ้ ได้สั่งปิดโรงงานและไซต์ก่อสร้างจนถึงอย่างน้อยวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่กระทบการลงทุนและการผลิตอุตสาหกรรมในหลายเดือนข้างหน้า
อุปสรรคที่กระทบการค้าปลีก ร้านอาหารและธุรกิจทัวร์ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้มีแนวโน้มว่าเม็ดเงินจะสูญหายไปนับแสนล้านหยวน
ติงลู่ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารโนมูระระบุในเอกสารเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ว่า ไวรัสโคโรนาในอู่ฮั่น “อาจส่งผลกระทบเศรษฐกิจจีนมากกว่าโรค Sars” ในปี 2546 โดย GDP ของจีนในไตรมาสแรกอาจถูกฉุดดิ่งลงมากกว่า 2% จากเดิมที่ประเมินไว้ที่ 6%
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนไม่ได้ประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจ ที่เรียกว่านโยบายการเงินที่รอบคอบและนโยบายงบประมาณเชิงรุก จากไวรัสโคโรนา อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งอาจต้องผ่อนคลายมาตรการทางการเงินและขาดดุลงบประมาณมากขึ้นเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ
“ จากตัวเลขทางการของจีน การขาดดุลงบประมาณของจีนอาจสูงถึง 3% ของ GDP ในปี 2563” จางจาก CASS ระบุ