ศก.จีนโตต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี
ปักกิ่ง – เศรษฐกิจของจีนในปี 2562 ชะลอตัวต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ เป็นผลมาจากสงครามการค้าที่ดำเนินอยู่กับสหรัฐฯ และดีมานด์ในประเทศที่อ่อนแรงลง จากข้อมูลของทางการเมื่อวันที่ 17 ม.ค.
แต่ยังมีตัวเลขค้าปลีกและผลผลิตอุตสาหกรรมบางตัวที่เป็นบวก และคณะกรรมาธิการของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ระบุว่า คาดการณ์ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากขึ้นในปีนี้
โดย GDP เติบโต 6.1% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533 จากข้อมูลของ NBS ตัวเลขนี้ถือว่ายังเป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์คือ 6.0 – 6.5% การเติบโตลดลงมาจาก 6.6% ในปี 2561 โดยมูลค่า GDP ตลอดทั้งปี 2562 อยู่ที่ 99.08 ล้านล้านหยวน
NBS ระบุว่าเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว แต่มีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงสิ้นปี
แต่จีนยังคงโมเมนตัมการเติบโตที่เสถียร หนิงจีเจอ คณะกรรมาธิการของ NBS กล่าวในการแถลงข่าว โดยเขาเสริมว่า การบริโภคในประเทศจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจจีนในปี 2563
“ แม้จะเป็นแค่ช่วงต้นปี เรายังเห็นว่าการเติบโตเกือบจะถึง 60% ของ GDP ของเรา” เขากล่าว “อย่างไรก็ตาม เราควรระวังว่าเศรษฐกิจโลกและการเติบโตของการค้ากำลังชะลอตัวลง”
มีปัจจัยเสี่ยงภายในและภายนอกเพิ่มขึ้นในช่วงปีที่จะถึงนี้ ที่ส่งผลกดดันกับเศรษฐกิจ เพื่อเป็นการรับมือ จีนจะคงนโยบายขาดดุลและออกมาตรการกระตุ้นมากขึ้นในปีนี้
ข้อมูลที่เผยแพร่พร้อม GDP ชี้ให้เห็นถึงผลผลิตอุตสาหกรรมและการเติบโตของการลงทุนที่ดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ขณะที่การค้าปลีกเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
ที่ผ่านมา จีนพึ่งพาทั้งมาตรการทางการคลังและการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจขาลง มีการลดภาษีและอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นขายพันธบัตรจำนวนมากเพื่อระดมทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน
ทางการยังได้ส่งเสริมให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทขนาดเล็ก โดยมูลค่าสินเชื่อในปี 2562 สูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 16.81 ล้านล้านหยวน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังขานรับค่อนข้างช้า และการลงทุนเติบโตต่ำที่สุดทุบสถิติ
แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและมีการพักรบของสงครามการค้า โพลล์ของนักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP ของจีนจะอยู่ที่ 5.9% ในปีนี้.