‘หลิว’ ยันดีลการค้าสหรัฐฯเฟส 1 ก้าวหน้า
รองนายกรัฐมนตรีหลิวเฮ่อของจีน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้ากับสหรัฐฯส่งสัญญาณเชิงบวกว่า การเจรจากับสหรัฐฯมีความก้าวหน้า และทั้งสองฝ่ายกำลังเร่งทำงานในส่วนเนื้อหาของข้อตกลงการค้า
“ จีนและสหรัฐฯมีความก้าวหน้าในหลายประเด็น และกำลังพิจารณาเนื้อหาพื้นฐานของข้อตกลงเฟสแรก” รองนายกฯ ระบุในการประชุมเทคโนโลยีในเมืองหนานชาง มณฑลเจียงซีเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
เขาย้ำว่าจีน “ มีความตั้งใจที่จะประสานความร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขในความกังวลหลายประเด็นบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันและความเคารพซึ่งกันและกัน”
“การยุติสงครามการค้าที่ยกระดับขึ้นเป็นประโยชน์กับจีน สหรัฐฯ และทั้งโลก นี่เป็นสิ่งที่ผู้ผลิตและผู้บริโภคตั้งความหวังไว้เหมือนกัน” หลิวกล่าว
โดยเขาระบุว่า ความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะเป็นประโยชน์กับโลก
“ การเติบโตของเศรษฐกิจจีน – สหรัฐฯและความร่วมมือทางการค้าเชื่อมโยงกันให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งของทั้งโลก” เขากล่าว “ จีนและสหรัฐฯสามารถพบกันครึ่งทาง จากพื้นฐานความเท่าเทียมกันและการให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยมีการแก้ไขในประเด็นความกังวลหลัก พยายามสร้างสรรค์บรรยากาศที่ดี และบรรลุเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย”
เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯระบุว่า เขาคิดว่าจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในระหว่างการประชุมความร่วมมือกลุ่มประเทศเอเปกที่ชิลีในวันที่ 16 – 17 พ.ย.นี้
“ผมคิดว่า จะมีการเซ็นอย่างง่ายๆ หวังว่าจะเป็นช่วงการประชุมในชิลี ซึ่งประธานาธิบดีสีและผมจะไปร่วมประชุมทั้งคู่” ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
“ เราทำงานร่วมกับจีนได้ดีมากๆ” ทรัมป์ระบุ
สหรัฐฯระบุว่า จีนจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการระงับการขึ้นภาษีเพิ่มเติม โดยสื่อบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนต้อง
การให้มีการพูดคุยมากกว่านี้ และอยากให้ภาษีกลับไปเป็นอัตราเดิมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการนำเข้า
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเฟส 1 ที่ทางวอชิงตันระบุ อาจไม่ได้แก้ไขในประเด็นใหญ่ๆ ที่ทำให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศลากยาวมานานกว่าหนึ่งปี เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการให้เงินอุดหนุนอุตสาหกรรม แต่ข้อตกลงเฟส 1 จะเหมือนกับข้อผูกพันที่จีนได้ทำตามมาตรฐานของ IMF
การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 6% ในไตรมาส 3 จากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ต.ค. เพิ่มแรงกดดันให้กับจีนให้เร่งยุติความขัดแย้งการค้ากับสหรัฐฯ
คาดการณ์ว่าตัวเลขส่งออกของสหรัฐฯ จะลดลงอย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่ยังมีมาตรการภาษีอยู่ เศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเจอกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อกระทบกับกำไรของบริษัท โดยจีนตั้งเป้าว่า GDP จะอยู่ที่ 6 – 6.5% ในปีนี้
รองนายกฯหลิวระบุว่า พื้นฐานเศรษฐกิจของจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แม้จะต้องประสบกับความไม่สมดุลอย่างเห็นได้ชัด และจีน “เชื่อมั่น” ว่าจะเศรษฐกิจจะบรรลุตามเป้า