จีนไม่ยอมให้ฮ่องกงประท้วงช่วงประชุม G20
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า จีนจะไม่อนุญาตให้ผู้ชุมนุมชาวฮ่องกงยกระดับการประท้วงที่การประชุม G20 ที่นครโอซาก้า ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 27มิ.ย.นี้
จางจุน รมช.กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ว่า ตามปกติแล้ว การประชุม G20 จะพูดคุยกันในประเด็นการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก และจะไม่มุ่งเน้นในประเด็นการประท้วงที่ยาวนานเป็นสัปดาห์ในฮ่องกง
“เราจะไม่ยอมให้มีการพูดคุยในประเด็นฮ่องกงที่การประชุม G20” จางกล่าว “เรื่องฮ่องกงเป็นเรื่องภายในของจีน ประเทศอื่นไม่มีสิทธิก้าวก่าย”
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. กระทรวงต่างประเทศของจีนประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะเข้าร่วมในการประชุมซัมมิต G20 ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 27 – 29 มิ.ย. นับเป็นการเยือนญี่ปุ่นครั้งแรกของเขาหลังดำรงตำแหน่งผู้นำของจีน
ในระหว่างการเยือนญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าประธานาธิบดีสีจะพบกับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพื่อพูดคุยกันเรื่องการเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศใหม่อีกครั้ง
จางให้ความเห็นว่า จีนจะไม่พูดคุยในประเด็นฮ่องกง หลังจาก ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ว่า ทรัมป์อาจยกประเด็นการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงขึ้นมาพูดคุยกับผู้นำจีน
มีการวางแผนการประท้วงในฮ่องกงอีกในวันที่ 26 มิ.ย.โดยบรรดานักเคลื่อนไหวพยายามเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประชาธิปไตย
ประชาชนนับล้านชุมนุมประท้วงไปตามถนนหลายสายในฮ่องกงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีการใช้กฎหมายนี้เป็นเครื่องมือในการขับไล่นักเคลื่อนไหวทางการเมือง
และผู้เห็นต่างกับรัฐบาลไปที่จีนแผ่นดินใหญ่
ผู้จัดการชุมนุมประท้วงระบุว่า การประท้วงครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.มีผู้มาร่วมชุมนุมมากถึง 2 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรชาวฮ่องกง จีนปฏิเสธที่จะพูดคุยเรื่องฮ่องกงว่าเป็นเรื่องผิดปกติ และรัฐบาลจีนประณามความพยายามที่จะนำเรื่องในประเทศมาสู่การประชุมระดับโลก
จนถึงตอนนี้ แถลงการณ์จากจีนให้การสนับสนุนรัฐบาลฮ่องกงในการผ่านร่างกฏหมาย ขณะที่กล่าวโทษต่างชาติที่โหมกระพือข่าวการประท้วงอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
“เราต้องการพูดดังๆว่า เอามือของพวกคุณออกไป ฮ่องกงเป็นเรื่องของจีน คุณไม่ควรแทรกแซงฮ่องกง” หวังอี้ รมว.กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุ.