‘สี’ ไม่ยอมให้ใครแบ่งแยกจีน

ปักกิ่ง (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนออกโรงเตือนว่าความพยายามใดๆที่จะต้องการแบ่งแยกจีนจะถูกกำจัด เนื่องจากจีนต้องเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองในฮ่องกงช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และสหรัฐฯวิจารณ์การปฏิบัติต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมของจีน
“ ผู้ใดก็ตามที่พยายามจะแบ่งแยกจีนออกจากกันจะจบลงด้วยการถูกบดขยี้ให้แหลกสลายหมดทั้งเลือดเนื้อจนถึงกระดูก ” เขากล่าวกับนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลีแห่งเนปาลในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ต.ค. จากการรายงานของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลจีนคือ CCTV
“ และกองทัพนอกประเทศใดๆ ที่สนับสนุนความพยายามที่จะแบ่งแยกจีนจะไม่มีทางเป็นจริงได้ในสายตาคนจีน ” ผู้นำจีนระบุ
ประธานาธิบดีสี ซึ่งเป็นประธานาธิบดีจีนคนแรกที่ไปเยือนเนปาลในรอบ 22 ปี เดินทางถึงเนปาลเมื่อวันที่ 13 ต.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าทั้งสองฝ่ายจะลงนามในการขยายโครงข่ายเส้นทางรถไฟระหว่างเนปาลและทิเบต
โดย CCTV รายงานว่า นายกฯโอลีของเนปาลกล่าวกับประธานาธิบดีสีว่า เนปาลจะคัดค้าน ‘กิจกรรมใดๆที่ต่อต้านจีน’ บนแผ่นดินของเนปาล
จีน ซึ่งพยายามลดระดับความตึงเครียดของสงครามการค้ากับสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการทดสอบทางการเมืองจากเหตุประท้วงที่รุนแรงนานหลายเดือนในฮ่องกง เนื่องจากชาวฮ่องกงมองว่าจีนเริ่มกระชับอำนาจและจำกัดเสรีภาพประชาชนในฮ่องกง
ตำรวจฮ่องกงใช้กระสุนยาง แก๊สน้ำตา และฉีดพ่นน้ำเข้าใส่ผู้ประท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง นับเป็นวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในรอบหลายทศวรรษ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะเจรจากับจีน หากทางการจีนยังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายในการรับมือกับการประท้วงในฮ่องกง
โดยทรัมป์ระบุว่า เขาได้พูดคุยประเด็นฮ่องกงกับรองนายกรัฐมนตรีหลิวเฮ่อของจีนเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ในระหว่างการเจรจารอบล่าสุด ทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในเฟสแรกที่ก่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะมีการทำข้อตกลงที่กว้างขวางขึ้น แม้ว่าประเด็นพื้นฐานยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และยังไม่มีการยกเลิกมาตรการภาษี
ในสัปดาห์ที่แล้ว วอชิงตันได้ขึ้นบัญชีดำ 28 บริษัทของจีนจากความเกี่ยวข้องในการปฏิบัติกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม โดยจีนถูกประณามจากนานาชาติมากขึ้นในสิ่งที่จีนเรียกว่าศูนย์ให้การศึกษาและฝึกอบรมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่ห่างไกล โดยนักเคลื่อนไหวระบุว่ามีชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมอื่นๆที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในค่ายมากกว่า 1 ล้านคน
ก่อนเดินทางมาเนปาล ผู้นำจีนได้ไปเยือนอินเดียและพบปะกับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ ทั้งสองพยายามที่จะกระชับความสัมพันธ์เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทเทือกเขาหิมาลัยในแคว้นแคชเมียร์ ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านจีนจากกลุ่มในทิเบต
โดยจีนส่งกำลังทหารเข้าไปในพื้นที่ภูเขาอันห่างไกลของทิเบตตั้งแต่เมื่อ 60 กว่าปีก่อน ซึ่งถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า การปลดปล่อยอย่างสันติ และปกครองทิเบตด้วยแนวทางแบบกำปั้นเหล็กตั้งแต่นั้นมา
องค์ดาไล ลามะ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ต้องลี้ภัยไปอินเดียในปี 2502 หลังจากไม่สามารถต้านทานจีนได้ โดยจีนระบุว่าท่านเป็นบุคคลอันตรายที่พยายามจะแบ่งแยกดินแดนเกือบ 1 ใน 4 ของจีนออกไป.