จีนเริ่มปีใหม่ พร้อมปรามไต้หวัน
จีนจะเริ่มต้นปีแห่งความอ่อนไหวพร้อมด้วยสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่พูดเกี่ยวกับไต้หวัน ซึ่งถือเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สุดของจีน
ในปี 2562 จีนจะฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ โดยการฉลองครบรอบมักจะครอบคลุมไปถึงทุกเหตุการณ์ในจีน ซึ่งการคงเสถียรภาพของประเทศคือการให้ความสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์เป็นอันดับแรก
ในปีหน้า จะมีอย่างน้อยถึง 6 เรื่องที่เป็นประเด็นสั่นคลอนพรรค โดยในเดือนมิ.ย. จะครบรอบ 30 ปีของเหตุการณ์ที่ทางการจีนปราบปรามการประท้วงของนักศึกษาและประชาชนอย่างรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายที่จตุรัสเทียนอันเหมิน ขณะที่ในเดือนต.ค. จะครบรอบ 70 ปีที่เหมาเจ๋อตุงก่อตั้งพรรคคคอมมิวนิสต์หลังจบสิ้นสงครามการเมืองนองเลือด
แต่ดูจะเป็นไต้หวัน ที่ชูธงประชาธิปไตยและถูกจีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตจีน ที่เป็นจุดสนใจมากที่สุดและเป็นความสำคัญลำดับแรกของประธานาธิบดีสี
สำนักข่าวซินหัวรายงานเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ว่า ประธานาธิบดีสีจะมีการกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาศาลาประชาคมในกรุงปักกิ่งในวาระครบรอบ 40 ปีของแถลงการณ์นโยบายสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์กับไต้หวันเป็นมิตรมากขึ้น เป็น “ ข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน” แต่ทางสำนักข่าวซินหัวไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านี้
เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2522 จีนประกาศการยุติสิ่งที่เคยเป็นมานานกับไต้หวัน ทั้งการควบคุมเกาะที่อยู่ใกล้กับจีน และเสนอให้มีการสื่อสารอย่างเปิดกว้างระหว่างทั้งสองฝ่าย หลังจากหลายทศวรรษของการเป็นปรปักษ์กัน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอถูกปฏิเสธโดยประธานาธิบดีในสมัยนั้นคือ เจียงจิงกั๋ว ซึ่งในเดือนเม.ย.ปีเดียวกันนั้น เขาประกาศนโยบาย ‘ 3 ไม่ ’ คือ ไม่ติดต่อ ไม่ประนีประนอม และไม่เจรจากับจีน เขาผ่อนผลายความเข้มงวดลงในปี 2530 โดยยอมให้ประชาชนในไต้หวันเดินทางไปเยือนจีนเพื่อการพบปะกันของครอบครัวและเครือญาติ
บิดาของเขาคือประธานาธิบดีเจียงไคเช็ก ซึ่งอพยพหลบหนีออกจากจีนพร้อมกองกำลังผู้รักชาติมาที่ไต้หวันในเดือนธ.ค.ปี 2492 หลังจากพ่ายแพ้พรรคคอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมือง
ทั้งนี้ ไม่เคยมีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ หรือการยุติความโหดร้ายของสงครามในอดีตของจีนอย่างเป็นทางการ
ไต้หวันกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนม.ค. 2563 พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สนับสนุนเสรีภาพของประธานาธิบดีไช่อิงเหวินเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับพรรคก๊กมินตั๋ง ที่เป็นมิตรกับจีนในการเลืกตั้งระดับเทศบาลและการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
จีนกดดันประธานาธิบดีไช่ ตั้งแต่เธอเข้ารับตำแหน่งในปี 2559 โดยไม่มีการพูดคุย และทำให้ประเทศต่างๆตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน และบีบให้สายการบินต่างประเทศระบุว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนบนเว็บไซต์
จีนกลัวว่า ประธานาธิบดีไช่จะผลักดันให้มีการประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการของไต้หวัน แม้เธอจะระบุว่า เธอต้องการคงนโยบายเดิมของไต้หวัน
ประธานาธิบดีสีกล่าวเมื่อเดือนมี.ค.ว่า ไต้หวันจะต้องเผชิญกับ “ การลงโทษครั้งประวัติศาสตร์ ”จากจีน หากพยายามที่จะแยกตัวเป็นอิสระ ถือเป็นคำเตือนที่ดุดันที่สุดจากผู้นำจีนที่มีกับไต้หวัน ซึ่งเป็นเกาะที่จีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตของจีน.