จีนซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ ครั้งแรกหลังสงครามการค้า
จีนซื้อถ้่วเหลืองสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกหลังเกิดสงครามการค้าระหว่างสองประเทศที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้
โดยกระทรวงการคลังของจีนยังได้ยืนยันว่า จีนจะลดภาษีรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐฯ จากเดิม 40% มาอยู่ที่ 15% โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในการประกาศลดภาษี จีนยังระบุว่า หวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเร่งเจรจาให้บรรลุข้อตกลงทางการค้าโดยเร็ว
ทางการสหรัฐฯกล่าวชื่นชมการซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯของจีนจำนวน 1.13 ล้านตันเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็น “ ก้าวที่ยอดเยี่ยม ” แต่ระบุว่ายังมีความไม่แน่นอนว่าจะมีดีลในวงกว้างขึ้นตามมาหลังจากนี้
“ จำนวนเป็นล้าน ล้านกับอีกครึ่งตันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม มันยอดมากจริงๆ เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่” Steve Censky รมช.กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ระบุ “ แต่ยังมีความต้องการให้ซื้อมากขึ้นกว่านี้ โดยเฉพาะเมื่อคุณพิจารณาเทียบกับที่จีนเคยซื้อตามปกติ คือประมาณ 30 – 35 ล้านตัน ”
นักวิเคราะห์ยังเตือนว่า อย่าเพิ่งตีความว่านี่เป็นสัญญาณสงครามการค้าที่สงบลง โดย Robert Carnell หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำ ING Bank กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า การจับกุมตัวเมิ่งว่านจู ประธานบริหารฝ่ายการเงินและรองประธานบริษัทหัวเหว่ย ชี้ชัดถึงสภาพสงครามการค้าในปัจจุบัน
“ เป็นการต่อสู้ด้านเทคโนโลยี ต่อสู้เพื่อ 5G โดยเฉพาะ หัวเหว่ยกลายเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดด้านเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม และสหรัฐฯไม่ชอบเรื่องนี้จริงๆ ”
“ ประเด็นการจับกุมคุณเมิ่ง เป็นการส่งข้อความที่มีความหมายมากขึ้น มีความชัดเจนขึ้นว่า สงครามการค้าจะยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ”
ทั้งนี้ สงครามการค้าระหว่างสองประเทศเริ่มต้นขึ้นเมื่อสหรัฐฯอ้างว่าจีนมีวิธีปฏิบัติทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม เช่น การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากนั้น ทั้งสองก็เริ่มขึ้นภาษีโต้ตอบกันมูลค่านับแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากอีกฝ่าย รวมถึงรถยนต์และถั่วเหลือง
เมื่อต้นเดือนนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะชะลอการขึ้นภาษีเพิ่มเติมออกไปอีก 6 เดือนและเร่งการเจรจา ทางการสหรัฐฯยังระบุว่า จีนรับปากจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ และลดภาษีรถยนต์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ด้วย
จีนเป็นประเทศผู้ซื้อถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลก คิดเป็นประมาณ 60% ของการค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกในปี 2560
โดยจีน ซึ่งใช้ถั่วเหลืองเพื่อเลี้ยงสัตว์ ที่ผ่านมาพึ่งพาซัพพลายจากทั้งสหรัฐฯและบราซิลตามฤดูกาล แต่การซื้อจากเกษตรกรอเมริกัน (ซึ่งเป็นฐานเสียงทางการเมืองสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ) ดิ่งเหวลงหลังเกิดสงครามการค้า
อย่างไรก็ตาม รายงานการซื้อถั่วเหลืองของจีนเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ไม่ได้ทำให้ผู้ค้าตื่นเต้นดีใจมากนัก เพราะจำนวนต่ำกว่าที่ประเมินไว้
“ มันเป็นการเริ่มต้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาของเราทั้งเรื่องถั่วเหลือง และซัพพลายถ้่วเหลืองที่ล้นตลาดในประเทศนี้ ” Joe Vaclavik ประธาน Standard Grain ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ในรัฐเทนเนสซีให้ข้อมูล
Carnell จาก ING Bank ระบุว่า เขาคิดว่าการซื้อของจีนเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.เป็นเรื่องที่สะดวกกว่าอย่างอื่น
“ ความจริงง่ายๆคือ จีนต้องการถั่วเหลืองจำนวนมาก และมีการซื้อจากบราซิล ไม่ใช่สหรัฐฯ แต่บราซิลไม่สามารถขายถั่วเหลืองได้มากเท่าที่จีนต้องการ ดังนั้น จีนจึงหันกลับมาที่ถ้่วเหลืองสหรัฐฯ และผมคิดว่า เป็นแค่ความสะดวกของจีนที่ทำได้ในตอนนี้ ”