ภาคบริการจีนชะลอตัวสุดใน 13 เดือน
ภาคบริการของจีนมีการเติบโตที่ชะลอตัวมากที่สุดในเดือนล่าสุด ชี้ให้เห็นโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของจีนที่ปรับลดลงในปีนี้
การชะลอตัวในภาคบริการ ( ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของเศรษฐกิจจีนและมีความสำคัญในการสร้างงานจำนวนมากของจีน ) กำลังสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลเนื่องจากจะยิ่งส่งผลกดดันมากขึ้นกับตัวเลขการส่งออก ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของ Caixin/Markit ลดลงมาอยู่ที่ 50.8 จุดในเดือนต.ค.จากเดิม 53.1 จุดในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และขยับลดลงมาเข้าใกล้ตัวเลข 50 จุด ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างการเติบโตกับการหดตัว
ความซบเซาลงของภาคบริการยิ่งก่อให้เกิดความซับซ้อนกับจีนที่พยายามจะผลักดันให้มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระหว่างช่วงเวลาที่จีนเผชิญกับความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับปัญหาการควบคุมศักยภาพในการผลิตที่มากเกินไป ปัญหามลภาวะ และหนี้สาธารณะ
นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ( ซึ่งเป็นอีกแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน) ที่ลดความร้อนแรงลง ก็เป็นผลสะท้อนมาจากดีมานด์ในภาคบริการอสังหาฯ ที่ซบเซาลงด้วยเช่นกัน
ที่เห็นได้ชัดคือ ดัชนีย่อยของคำสั่งซื้อทางธุรกิจใหม่ของจีนก็ไม่มีการเติบโตขึ้น คืออยู่ที่ 50.1 จุดในเดือนต.ค. ลดลงจากเดิมคือ 52.4 จุด ในเดือนก.ย. ถือเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในเดือนต.ค. 2551 เป็นต้นมา
ปัจจุบัน จีนกำลังพึ่งพาภาคบริการมากขึ้น โดยเฉพาะบริการทางการเงินและเทคโนโลยี เพื่อลดการพึ่งพาในรูปแบบดั้งเดิมคือการผลิตในอุตสาหกรรมหนักและการลงทุน
อย่างไรก็ตาม มีความหวังเพิ่มขึ้นเมื่อมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯและประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ “ที่ดีมาก” เกี่ยวกับการค้าเมื่อสัปดาห์ก่อน และผู้นำทั้งสองมีแผนจะคุยกันนอกรอบในระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G20 ในอาร์เจนตินาช่วงสิ้นเดือนพ.ย.นี้
จีนพยายามหนุนสภาพคล่องทางเศรษฐกิจด้วยการปรับลดระดับเงินทุนสำรองที่ธนาคารพาณิชย์ถือครองไว้ถึง 4 ครั้งจนถึงตอนนี้ และยังมีการสนับสนุนการใช้จ่ายงบประมาณอีกด้วย
เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ประธานาธิบดีสีสัญญาจะช่วยบริษัทเอกชนของจีนที่ต้องดิ้นรนอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มีส่วนสำคัญในภาคบริการ โดยเขาให้คำมั่นที่จะลดภาษีและให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มขึ้น เน้นให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาให้ภาคบริการของประเทศอย่างจริงจัง
โดย GDP ของจีนมีการเติบโตที่ชะลอตัวสูงสุดเกินคาดการณ์อยู่ที่ 6.5% ในไตรมาส 3 ถือเป็นตัวเลขที่อ่อนแรงลงมากที่สุดหลังเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก
หลังจากตัวเลขปรับลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. การจ้างงานในภาคบริการของจีนปรับเพิ่มขึ้นหลังเริ่มต้นไตรมาส 4 เนื่องจากบางธุรกิจจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อขยายการดำเนินการทางธุรกิจ อ้างอิงจากผลสำรวจของดัชนี Caixin นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่า ขณะที่รัฐบาลกังวลเกี่ยวกับการจ้างงาน อัตราการเติบโตของค่าจ้างยิ่งย่ำแย่และอ่อนแรงลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า สภาพเศรษฐกิจของจีนจะเลวร้ายลงกว่านี้ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้น.