จีนเร่งอัดฉีดเงินหนุนเศรษฐกิจ
จีนเร่งอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดมากขึ้นจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯที่ยกระดับความตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจของจีนสูญเสียโมเมนตัมในปีนี้ หลังรัฐบาลพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อจะแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมาก รวมถึงต้องเจอกับแรงกดดันจากมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่ส่งผลกระทบกับการส่งออกของจีน
โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ธนาคารประชาชนของจีน หรือธนาคารกลางระบุว่า จะอนุมัติเงินประมาณ 750,000 ล้านหยวน หรือราว 3.61 ล้านล้านบาท ให้กับการปล่อยสินเชื่อใหม่เพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และนับเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้ที่ธนาคารกลางจีนปรับลดจำนวนเงินทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง แต่นักวิเคราะห์ระบุว่าปัญหาที่จีนมีร้ายแรงซับซ้อนกว่านั้น
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลจีนยังห่างไกลเกินจะทำให้เศรษฐกิจเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือ เพราะธนาคารอาจมีความลังเลใจที่จะให้สินเชื่อ
Larry Hu นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารเพื่อการลงทุน Macquarie ให้ความเห็น โดยเขาระบุในเอกสารที่ส่งให้ลูกค้าเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า ธนาคารกลางของจีนถูกบีบให้ต้องมีมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมอีกใน 2 – 3 เดือนหน้า
ทั้งนี้ ทางการจีนได้ปรับลดภาษีลงแล้ว รวมถึงมีการใช้จ่ายในโครงสร้างพื้นฐานและผ่อนคลายนโยบายทางการเงินลงเพื่อจะส่งเสริมสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
“ เศรษฐกิจต้องการการสนับสนุนอย่างชัดเจน” เหว่ยเหยา นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนประจำธนาคารเพื่อการลงทุน Generale ระบุในเอกสารให้ลูกค้าเมื่อวันที่ 8 ต.ค. โดยเธอทำนายว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงในไตรมาสหน้า
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของปักกิ่งในการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินลง ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นกับค่าเงินหยวนของจีน ซึ่งอ่อนค่าลงไปเกือบ 6% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯในปีนี้
แน่นอนว่าค่าเงินหยวนจะต้องเจอกับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง Hu กล่าว โดยค่าเงินหยวนลดลง 0.4% ต่อดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา
ธนาคารประชาชนของจีนทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายไปเมื่อเดือนก.ย. นับเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ ซึ่งทำให้น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนมากขึ้นที่จะถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐฯมากกว่าเงินหยวน
ตลาดหลักทรัพย์ของจีนก็ดิ่งร่วงลงในช่วงหลายเดือนมานี้ด้วย จากความกลัวเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจของจีน และสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ที่ตึงเครียดขึ้น
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิทลดลงมากกว่า 3% เมื่อวันที่ 8 ต.ค.หลังปิดการซื้อขายไปตลอดสัปดาห์ที่แล้วในช่วงวันหยุดประจำชาติของจีน.