จีนโต้สหรัฐฯกลั่นแกล้งด้วยภาษีรอบใหม่

จีนกล่าวหาสหรัฐฯ ว่ากลั่นแกล้งทางการค้าหลังจากสหรัฐฯ มีมาตรการภาษีรอบใหม่มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากจีน
จากเอกสารที่เป็นทางการที่สำนักข่าวซินหัวยกมารายงาน ระบุว่า จีนกล่าวหาสหรัฐฯว่าใช้วิธีการกลั่นแกล้งทางการค้า ขู่คุกคามประเทศอื่นด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ และทำร้ายเศรษฐกิจทั่วโลก โดยจีนยังได้กล่าวหาว่าสหรัฐฯเริ่มต้นทำสงครามการค้าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดทำให้สินค้าส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา เท่ากับว่าครึ่งหนึ่งของสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนได้รับผลกระทบจากภาษีใหม่
โดยสื่อรายงานว่า การยกระดับความขัดแย้งมีขึ้นในช่วงเวลาที่จีนยกเลิกการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯตามที่สหรัฐฯ เชิญมา
ทั้งนี้ ภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้กับสินค้าเกือบ 6,000 รายการ ทำให้เป็นภาษีกีดกันทางการค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุดจากวอชิงตัน โดยภาษีส่งผลกระทบกับกระเป๋าถือ ข้าวและเสื้อผ้า แม้สินค้าบางรายการ เช่น สมาร์ทวอตช์ และเก้าอี้กินข้าวของเด็กเล็กจะได้รับการยกเว้นก็ตาม
บริษัทอเมริกันที่นำเข้าสินค้าจากจีนต้องจ่ายภาษีเพิ่ม 10% โดยภาษีจะเพิ่มเป็น 25% ต้นปี 2562 ในทางกลับกัน จีนจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม 5% กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมทั้งเครื่องบินขนาดเล็ก คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า และจัดเก็บภาษีเพิ่ม 10% กับสินค้าอย่างเคมีภัณฑ์ เนื้อวัว ข้าวสาลี และไวน์
โดยรวม สหรัฐฯมีมาตรการภาษี 3 รอบกับสินค้าจีนในปีนี้ มีมูลค่าทั้งหมด 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯประกาศจัดเก็บภาษี 25% กับสินค้านำเข้าจากจีนเป็น 2 รอบ
ในเดือนก.ค. ทำเนียบขาวบังคับใช้มาตรการภาษีมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้าจีน และในเดือนส.ค.ความขัดแย้งก็เพิ่มขึ้นเมื่อสหรัฐฯประกาศจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม 25% ในรอบที่ 2 กับสินค้าจีนมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและจีนโต้กลับสหรัฐฯ ด้วยมาตรการภาษีเช่นเดียวกัน
โดยจีนตอบโต้มาตรการภาษีสองรอบแรกของสหรัฐฯ ด้วยการประกาศจัดเก็บภาษีมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยตั้งเป้ากับสินค้าสำคัญที่ส่งผลกระทบกับฐานเสียงสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ คือเกษตรกร
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ระบุว่า เขาต้องการหยุดการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯให้จีนอย่างไม่เป็นธรรม และปกป้องงานในสหรัฐฯ โดยทฤษฎีแล้ว มาตรการภาษีจะช่วยให้สินค้าที่ผลิตในสหรัฐฯมีราคาถูกกว่าสินค้านำเข้า เป็นการกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าอเมริกัน ไอเดียนี้จะช่วยหนุนธุรกิจและสนับสนุนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
แต่บริษัทอเมริกันหลายแห่งและกลุ่มอุตสาหกรรมยื่นคำร้องต่อสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ว่า ธุรกิจของพวกเขากำลังถูกทำลาย มีสัญญาณว่าบริษัทเหล่านี้ได้รับผลกระทบแล้ว และ IMF เตือนว่าการยกระดับความขัดแย้งของสองประเทศจะกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก
นักวิเคราะห์เตือนว่า จีนยังมีมาตรการโต้กลับสหรัฐฯ ในหนทางอื่นอีก นอกเหนือจากมาตรการภาษี โดยจีนอาจบีบบริษัทอเมริกันในจีนให้มีความยุ่งยากขึ้นในการดำเนินธุรกิจ หรืออาจควบคุมค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงเพื่อหนุนการส่งออกของจีน.