แจ็ค หม่ากลับลำสร้างงานไม่ถึงล้านในสหรัฐฯ

แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซอาลีบาบา ซึ่งเคยพูดไว้ว่าจะสร้างงานให้ได้ถึง 1 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้กลับคำพูดจากแผนเดิมที่กำหนดไว้
ผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนที่ขยายวงกว้างขึ้น ทำให้หม่าให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่า “ ไม่มีทางเลยที่จะทำได้ตามสัญญา ”
โดยคำสัมภาษณ์ของเขาเกิดขึ้นหลังจากวันนักลงทุนของอาลีบาบาที่เขาได้ขึ้นบรรยายบนเวทีว่า ความตึงเครียดทางการค้าของสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องนานนับทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ เขาเคยผุดไอเดียที่จะขยายงานในสหรัฐฯ โดยในเดือนม.ค.ปี 2560 หม่าได้เข้าพบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ
และเสนอแผนที่จะเพิ่มบทบาทของอาลีบาบาในอเมริกาและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แข็งแกร่ง โดยเขาระบุว่า การเข้าถึงผู้บริโภคชาวจีนผ่านตลาดซื้อขายออนไลน์จะช่วยหนุนธุรกิจสหรัฐฯให้เติบโตและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมากถึง 1 ล้านคนใน 5 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 ก.ย.หม่าระบุว่า คำสัญญาที่มีขึ้น เป็นความคิดที่อยู่บนพื้นฐานความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯกับจีน ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว “ สถานการณ์ปัจจุบันได้ทำลายความคิดเดิมไปหมด ” เขาระบุ “ ไม่มีทางที่จะทำตามสัญญาได้ แต่เราจะไม่หยุดความพยายามของเรา และจะทำงานให้หนักขึ้นกว่าเดิมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าของจีนกับสหรัฐฯ ” เขาเสริมว่า “ การค้าในโลกจำเป็นต้องมีการทำให้สมบูรณ์แบบ แต่การค้าไม่ใช่อาวุธ ไม่สามารถนำมาใช้เพื่อทำสงครามได้ มันควรเป็นสิ่งที่สนับสนุนสันติภาพ”
งานของอาลีบาบาปรับเพิ่มขึ้นหลังบริษัทมีการลงทุนในบริษัทอเมริกันหลายแห่งในสหรัฐฯ เช่น Snapchat และ Jet.com รวมถึงความพยายามที่จะเปิดตัวเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ในสหรัฐฯ
หลังการประชุมในปี 2560 ทรัมป์ดูจะมีท่าทืเชิงบวก โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ แจ็คกับผมกำลังจะทำสิ่งที่ยอดเยี่ยม ”
หลายสัปดาห์ต่อมา Ant Financial Services Group บริษัทจ่ายเงินดิจิทัลของอาลีบาบาประกาศแผนที่จะเข้าซื้อบริษัทโอนเงินของสหรัฐฯ Moneygram แต่ข้อตกลงไม่มีความคืบหน้าเนื่องจากความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนย่ำแย่ลง
ในเดือนส.ค.ปี 2560 ทรัมป์มีคำสั่งให้มีการสอบสวนวิธีการทางการค้าของจีน โดยกล่าวหาว่าจีนทำการค้าที่ไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ และในเดือนม.ค.ปีนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามไม่ให้มีการทำข้อตกลงเข้าซื้อบริษัท Moneygram จาก Ant Financial ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะมีมาตรการภาษีอัตรา 25% กับสินค้านำเข้าของจีนที่จะมีมูลค่าประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2560 โดยมาตรการภาษีรอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.
ทำให้จีนตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยมาตราการภาษีเช่นเดียวกันกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ยังได้เตือนว่าบริษัทสหรัฐฯที่ดำเนินธุรกิจในจีนจะถูกโต้กลับด้วยนโยบายชาตินิยมกับสินค้าของพวกเขา.