ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนโตเร็ว
ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของจีนขยายตัวเติบโตภายในระยะเวลาอันสั้น และจะเติบโตรวดเร็วเช่นนี้อย่างต่อเนื่องแม้ทางการจีนจะปรับเปลี่ยนทิศทางการให้งบอุดหนุนก็ตาม อ้างอิงจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
ในปี 2557 มีรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้จำนวน 50,000 คัน แต่ในปี 2561 นี้ จำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายได้เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า โดยในแต่ละปีของช่วงเวลาไม่กี่ปีต่อจากนี้ ตลาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 40% Jacob George รองประธานและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของบริษัทวิจัยข้อมูลตลาดทั่วโลกที่มีสำนักงานในสหรัฐฯคือ J.D.Power ให้ข้อมูลกับสื่อ CNBC ในสัปดาห์ที่แล้ว
โดยเขาทำนายว่า จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภาคส่วนรถยนต์พลังงานใหม่และและจำนวนบริษัทใหม่จะเพิ่มขึ้น
ขณะที่จีน อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายซึ่งมีการวางแผนไว้สำหรับภาคส่วนรถยนต์ไฟฟ้า แต่นโยบายและมาตรการต่างๆ ดูจะบรรลุตามจุดประสงค์
โดยบางเป้าหมายคือแผนการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดให้ได้ 2 ล้านคันต่อปีภายในปี 2563 และสำหรับผู้ผลิตคือต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยหนึ่งรุ่นภายในปี 2562
“ ปี 2563 ใกล้จะมาถึงแล้ว” George ระบุว่า เขาไม่ได้คาดการณ์ว่าประเทศจีนจะสามารถพึ่งพารถไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ในช่วงปีที่กำหนด
“ แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องสำหรับอนาคตใช่หรือไม่ ? ถูกต้องที่สุด เรามองว่านี่เป็นความต้องการพื้นฐาน ดังนั้นผู้ผลิตแต่ละรายจะต้องมีรถไฟฟ้าอย่างน้อยหนึ่งรุ่น ”
สำหรับบริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศที่ต้องการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีน เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องทำงานร่วมกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีของจีนอย่างใกล้ชิดและใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับรถยนต์ที่ต้องใช้งานเป็นระยะทางไกลขึ้น George ระบุ
คำเตือนของเขามีขึ้น หลังจากสื่อวอลสตรีทเจอร์นัลเพิ่งรายงานว่า แผนของบริษัทเจเนรัลมอเตอร์ที่จะผลิตรถไฟฟ้าในจีนต้องหยุดชะงัก หลังบริษัทพบว่าแบตเตอรีที่ผลิตในจีนไม่สามารถหนุนให้รถมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยถึงระดับมาตรฐานของบริษัทได้ในระหว่างการทดสอบ
ก่อนหน้านี้ ในเดือนก.ค.เทสลา แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอเมริกันได้ประกาศเปิดโรงงานใหม่ในเซี่ยงไฮ้ โดยเป็นการร่วมลงทุุนกับทางการเซี่ยงไฮ้ ที่ตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตถึง 500,000 คันต่อปี
เทสลาเพิ่งประกาศปรับราคารถยนต์โมเดล X และ S ขึ้นอีก 20% ในจีน กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายแรกในจีนที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ต่างมีมาตรการภาษีโต้ตอบกัน
“ การขึ้นราคาจะทำให้ยอดขายลดลง แต่เทสลาที่กำลังจะขาดทุนจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น เพราะบริษัทไม่สามารถแบกรับภาระภาษีที่สูงขึ้นได้ ”Efraim Levy นักวิเคราะห์งานวิจัยที่ CFRA กล่าว
จีนเป็นตลาดสำคัญสำหรับเทสลา ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้จ่ายเงินลงทุนไปอย่างรวดเร็วและต้องดิ้นรนเพื่อจะพลิกให้บริษัทกลับมามีกำไร โดยยอดขายในจีนคิดเป็นประมาณ 17% ของรายได้บริษัทในปีที่แล้ว.