จีนนำปฏิรูปการจัดการปกครองทั่วโลก

จีนต้องเป็นผู้นำในการปฏิรูปการจัดการปกครองทั่วโลก กระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. โดยยกคำพูดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมารายงาน เนื่องจากจีนต้องการขยายอิทธิพลในระดับโลกให้มากขึ้น
จีนพยายามหาหนทางที่จะทำให้ประเทศมีสิทธิมีเสียงในองค์การใหญ่ระดับโลกอย่างธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และสหประชาชาติ เพื่อให้ดำเนินไปตามกรอบของการเติบโตทางเศรษฐกิจและอิทธิพลทางการทูต
ตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศของจีนในปี 2555 ประธานาธิบดีสีมีการรุกคืบอย่างมีระบบ โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานทั่วโลกซึ่งเป็นของจีนเอง อย่างธนาคารลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของเอเชีย และเริ่มดำเนินโครงการตามนโยบาย Belt and Road เพื่อสร้างเส้นทางสายไหมใหม่
จีนตั้งเป้าว่าจะเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมนานาชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และยุโรปวุ่นวายกับเรื่องเบร็กซิท และประเด็นอื่นๆ
จีนต้องปกป้องอธิปไตย ความมั่นคงและพัฒนาผลประโยชน์ของประเทศ เข้าไปมีส่วนร่วมในเชิงรุกและแสดงให้เห็นถึงวิธีการปฏิรูประบบการจัดการปกครองทั่วโลก สร้างสรรค์เครือข่ายความสัมพันธ์ในการเป็นหุ้นส่วนที่ดีขึ้นทั่วโลก ประธานาธิบดีสีกล่าวในความเห็นที่รายงานในช่วงจบการประชุมระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ที่จัดขึ้นเป็นเวลาสองวัน
นี่จะช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศในการสร้างประเทศสังคมนิยมที่ทันสมัยและแข็งแกร่ง กนะทรวงต่างประเทศอ้างถึงถ้อยแถลงของเขาในการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งจากกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ กองทัพ ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อ และสถานทูตจีนในสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้นำจีนไม่ได้ให้รายละเอียด แถลงการณ์ระบุถึงเขาว่า เขาได้อธิบายถึงความสำคัญของ Belt and Road และแพลตฟอร์มทางการทูตอื่นๆที่สำคัญอย่าง ‘ชุมชนของของโชคชะตาที่เหมือนกัน’ ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีความหมายเพื่อเป็นแนวทางของความสัมพันธ์ของจีนที่มีกับโลก
ข้อเสนอถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในสไตล์ใหม่เป็นข้อเสนอที่ win-win และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันสำหรับทุกฝ่าย แต่หลายประเทศตะวันตกยังคงวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของจีนในหลายประเด็น เช่น เข้ายึดครองพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้
โดยสีเสริมว่า จีนต้องกระชับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งกับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็นพันธมิตรโดยธรรมชาติ แต่ยังต้องเรียนรู้จากประเทศอื่นๆด้วย
ทั้งนี้ สีไม่ได้เอ่ยถึงโดยตรงกับประเด็นอื่นๆ อย่างประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ,เกาหลีเหนือ หรือเขตปกครองตนเองไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างสิทธิว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน และมองว่าเป็นดินแดนที่อ่อนไหวสูงสุดและเป็นประเด็นทางการทูต.