อาวุธจีนจำกัดสู้สงครามการค้าสหรัฐฯ
จากการตอบโต้กันไปมาเหมือนสงครามการค้า ทั้งสองชาติมีอาวุธที่แตกต่างกันในการสู้รบ สำหรับสหรัฐฯ คือกำแพงภาษีในการนำเข้าสินค้า ขณะที่จีนอาจแตกต่างไป
จีนมีความจำกัดด้านมาตรการภาษี หากคิดจะสู้กับสหรัฐฯด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าโต้ตอบกัน เพราะจีนไม่ได้นำเข้าสินค้าอเมริกันมากเท่ากับที่สหรัฐฯนำเข้าสินค้าจีน โดยข้อมูลล่าสุด จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯมูลค่า 129,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 เมื่อเทียบกับยอดส่งออกที่สูงถึง 505,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อ้างอิงจากสำนักสำมะโนสหรัฐฯ
“ จีนกำลังจะขาดอาวุธในการตอบโต้กับสหรัฐฯ หากคิดในแง่ของการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าให้เท่ากับมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังมีความเห็นพ้องกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกว่า จีนทำข้อผูกพันด้วยวิธีการทางการค้าที่ไม่ยุติธรรม” ผลวิจัย LPL ระบุ
สิ่งที่จีนจะทำได้คือมาตรการอื่นๆ ซึ่งแม้ว่าจะสำเร็จลุล่วงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ยากกว่าการตั้งกำแพงภาษี แต่ก็ยังมีศักยภาพในการทำลายล้างอยู่พอสมควร
เห็นได้ชัดว่าตลาดหุ้นผันผวนทันทีกับสงครามการค้าที่ดูจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งร่วงลงเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลง
Craig Erlam นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสที่ Oanda อธิบายสถานการณ์ว่า ขณะที่จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้า แต่ก็ไม่กลัวที่จะเข้าไปเสี่ยงและเป็นการยากที่จะรู้ว่าสงครามนี้จะจบลงอย่างไรและเมื่อไร
ในการประเมินว่าสงครามการค้านี้จะจบลงอย่างไร ตลาดจะต้องจับตาดูว่าจะไปในทิศทางใด
ขณะที่ทำเนียบขาวมีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร โดยมีการประกาศการตั้งกำแพงภาษีรอบแรกมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯกับสินค้าจีนไปแล้ว รวมกับมาตรการภาษีเพิ่มเติมอีกมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะใช้ในสัปดาห์นี้ แต่จีนไม่อาจทำเช่นนั้นได้ แม้จีนจะขู่ว่าจะโต้กลับด้วยมาตรการภาษีที่มีมูลค่าเท่ากัน แต่สุดท้ายแล้ว ก็อาจขาดรายการสินค้านำเข้าที่ตั้งเป้าหมายในการตอบโต้
นักวิเคราะห์จาก Goldman มองถึงทางเลือกอื่นๆที่จีนอาจใช้เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ โดยอาจเป็นการบอยคอตบริษัทอเมริกันอย่างแอปเปิล หรืออัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล การลดค่าเงิน การขายทรัพย์สินสหรัฐฯ มาตรการทางการคลัง และการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่น การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรกับเกาหลีเหนือ
แต่บางมาตรการอาจไม่ส่งผลกระทบมากนักกับสหรัฐฯ เช่น การลดค่าเงิน เพราะอาจกลายเป็นการขัดแย้งกับมาตรการของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้เงินหยวนมีเสถียรภาพ รวมถึงการขายพันธบัตรสหรัฐฯ หรือผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่จีนควรใช้มากกว่าคือ การลอยตัวในสงครามการค้าที่ถดถอย Peter Bookvar หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนที่ Bleakley Advisory Group ให้ความเห็น
สหรัฐฯ จะเผชิญกับความเสี่ยงเองในสถานการณ์เช่นนั้น หากสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามที่ขู่ไว้ จะเป็นภาษีเกือบครึ่งของสินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนมูลค่า 505,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560 อ้างอิงจาก Beacon Policy Advisor
“ เราเชื่อมั่นว่า กำแพงภาษีรอบสองของทรัมป์จะเป็นแค่การขู่ แต่คงไม่ทำจริง” Beacon ระบุในรายงาน.