จีนเตือนสหรัฐฯ ขึ้นภาษีทำเสียประโยชน์การค้า
แผนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยทำลายความก้าวหน้าในการพูดคุยการค้าระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน จีนระบุเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.
ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่นำโดย Wilber Ross รมว.กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประชุมพูดคุยกับตัวแทนในการเจรจาของจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 2 – 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยการพูดคุยได้มีพัฒนาการในแง่บวกและจริงจัง อ้างอิงจากแถลงการณ์ของรัฐบาลจีนที่รายงานโดยสำนักข่าวซินหัว
โดยแถลงการณ์ให้รายละเอียดเพียงเล็กน้อย แต่ชัดเจนว่าจีนจะไม่ทำข้อผูกพันที่จะซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น หากการส่งออกของจีนถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร
“ ข้อตกลงระหว่างจีนและสหรัฐฯควรอยู่บนพื้นฐานของทั้งสองฝ่ายที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่ใช่การทำสงครามการค้า ” อ้างอิงจากแถลงการณ์ของฝ่ายจีน
“ หากสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้า อย่างเช่นการขึ้นภาษีนำเข้า จะทำให้การเจรจาด้านเศรษฐกิจและผลประโยชน์ทางการค้าของทั้งสองฝ่ายจะไม่มีผลที่เกิดขึ้นได้จริง ”
การประชุมในกรุงปักกิ่งมีขึ้นในช่วงท้ายของสัปดาห์ที่ชุลมุนวุ่นวายเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เปิดฉากก่อนในการทำสงครามการค้าทั่วโลก ด้วยการตั้งภาษีใหม่กับการนำเข้าสินค้าจากจีน และส่งผลกระทบถึงแคนาดา เม็กซิโกและสหภาพยุโรป จากภาษีนำเข้าโลหะ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในการประชุมในกรุงปักกิ่งสัปดาห์นี้ ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ดีกับความเห็นพ้องที่เกิดขึ้นในวอชิงตัน โดยเฉพาะในภาคส่วนเกษตรกรรมและพลังงาน การพูดคุยเหล่านี้ได้ทำให้เกิดพัฒนาการในแง่บวกและมีเสถียรภาพ แม้จะต้องมีการลงลึกในรายละเอียดเพิ่มเติมอีกก็ตาม
โดยจีนได้สัญญาในการพูดคุยในวอชิงตันเดือนพ.ค.ที่จะนำเข้าสินค้าจากอเมริกาให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดการเกินดุลการค้าที่มีกับสหรัฐฯจำนวน 375,000 ล้านอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯมักจะตำหนิเรื่องช่องว่างของมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ รมว.Ross คาดการณ์ว่าจะมีข้อผูกพันที่ชัดเจนจากปักกิ่งเพื่อหนุนให้จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นในหลายภาคส่วน เช่น พลังงานและเกษตรกรรม โดยช่วงเช้าของวันที่ 3 มิ.ย. Ross กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ การประชุมเต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพ มีความตรงไปตรงมา และครอบคลุมหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับสินค้าส่งออกที่เฉพาะเจาะจง
Ross สรุปการประชุมต่อหน้าผู้สื่อข่าวขณะที่เขาและรองนายกรัฐมนตรีหลิวเหอของจีน ซึ่งเป็นประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เตรียมพร้อมในการเจรจาอย่างต่อเนื่อง
จีนยังได้ส่งสัญญาณว่า จะไม่ยอมถูกกดดันให้เปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ
“ จีนมีความตั้งใจที่จะเพิ่มจำนวนการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ รวมทั้งสหรัฐฯ เพื่อรองรับความต้องการบริโภคของประชาชนชาวจีนที่เพิ่มขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูงของประเทศ ” แถลงการณ์ระบุ แต่เสริมว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจและการเปิดกว้าง รวมทั้งการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น เป็นยุทธศาสตร์ของชาติจีน และการปฏิรูปที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เรื่องนี้ดูจะไม่ทำให้คณะทำงานของผู้นำสหรัฐฯพอใจนัก นอกเหนือจากการลดความไม่สมดุลทางการค้าที่ต่างกันมาก รัฐบาลสหรัฐฯ ยังต้องการให้ปักกิ่งเปลี่ยนนโยบายอุตสาหกรรม ที่ภาครัฐให้การอุดหนุนเงินทุนกับบริษัทจีนในเวทีโลก และกดดันให้บริษัทต่างชาติต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีสำคัญ
โดยสหรัฐฯ กังวลเกี่ยวกับโครงการ Made in China 2025 ซึ่งจะอีดฉีดเงินทุนนับพันล้านดอลลาร์เข้ามาในอุตสาหกรรมไฮเทคของจีน เช่น หุ่นยนต์และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยความมุ่งหวังที่จะผลักดันให้จีนเป็นผู้นำของโลก
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า จีนไม่มีแนวโน้มจะล่าถอยจากแผนการเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในอนาคต.