จีนอาจไม่ลงทุนต่อในสหรัฐฯ
ในเดือนพ.ย.ปี 2560 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศชัยชนะเมื่อเขาเดินทางกลับจากทริปเยือนเอเชียพร้อมดีลการค้ากับจีนที่สูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7.83 ล้านล้านบาท
ตอนนี้ ข้อตกลงเหล่านั้น ซึ่งมีในหลายภาคส่วนทั้งพลังงาน การบินและเทคโนโลยี อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากจีนกำลังโต้ตอบสหรัฐฯและอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
“จีนกำลังมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่นำมาต่อรองได้ เห็นชัดว่า ทรัมป์เป็นคนที่ชอบการทำธุรกรรม” Edward Chow ผู้เชี่ยวชาญพลังงานทั่วโลกที่ศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศให้ความเห็น
ในสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำสหรัฐฯ บอกให้กระทรวงการคลังขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว1.56 ล้านล้านบาท หลังจากมีผลสอบจากการสอบสวนนาน 7 เดือนออกมาว่า จีนมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีแผนจะกำหนดระเบียบใหม่ที่เข้มงวดในการลงทุนของจีนในสหรัฐฯ อีกด้วย
ความเคลื่อนไหวนี้ ซึ่งมีขึ้นหลังจากสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีสงครามการค้า และเมื่อวันที่ 2 เม.ย.รัฐบาลจีนแถลงว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสินค้า 128 รายการที่ได้รับผลกระทบ ตั้งแต่เนื้อหมูและผลไม้ไปจนถึงท่อเหล็ก
ดีลการค้าที่ทำไว้ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้วมีทั้ง Qualcomm ที่ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับสมาร์ทโฟนจากจีนแบรนด์ เสี่ยวมี่ ออปโป และวีโว หรือ Boeing ที่ประกาศว่าจะขายเครื่องบินมูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับรัฐวิสาหกิจของจีนที่เป็นเจ้าของสายการบินแอร์ไชน่า และไชน่า เซาธ์เทิร์นแอร์ไลน์ หรือ China Energy Investment Corp.ที่ลงนามในข้อตกลงที่จะลงทุนเกือบ 84,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน และผลิตภัณฑ์ทางเคมี และดีลอื่นๆ
ยังไม่มีความชัดเจนว่า ดีลการค้าที่ทำไว้ตอนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไปเยือนจีนจะยังคงอยู่เหมือนเดิม
“โดยเฉพาะดีลที่อลาสกา ซึ่งมีการเซ็นกันด้วยเรื่องการเมืองมากกว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ” Hugo Brennan นักวิเคราะห์อาวุโสเอเชียที่บริษัทที่ปรึกษา Verisk Maplecroft กล่าว
โดยทาง Alaska Gasline Development Corporation ระบุในแถลงการณ์ว่า มีความกังวลว่าจีนอาจถอนการลงทุนท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่มีอยู่ในขณะนี้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จีนจะไม่เดินหน้าในการลงทุนเพื่อยุทธศาสตร์สำคัญของจีน ตัวอย่างเช่น แผนการลงทุนในบริษัท West Verginia ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน เนื่องจากจีนให้ความสำคัญกับการลดการพึ่งพาพลังงานถ่านหิน และจีนต้องการทั้งพลังงานที่สะอาดขึ้นกว่าเดิมและเทคโนโลยีการผลิตที่มาจากโครงการนี้
“จีนเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก” Jonathan Elkind นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์นโยบายพลังงานโลก ของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย “และเป็นประเทศที่มีการสร้างอย่างแข็งขัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสอีกมากของบริษัทสหรัฐฯที่มีเทคโนโลยีระดับโลก”
เขาเสริมว่า สุดท้ายแล้ว จีนจะไม่ตัดสินใจทำอะไรที่คิดว่าจะไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด.