“สี”เตือนไต้หวันเจอหนักถ้าคิดแยกตัว
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเตือนไต้หวัน ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของจีนเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ว่า จะต้องพบกับ ‘การลงโทษครั้งประวัติศาสตร์’ หากพยายามจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีน โดยยืนยันหนักแน่นว่าไต้หวันเป็นดินแดนหวงห้ามของจีน
ทั้งนี้ ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเด็นที่อ่อนไหวของจีนและสามารถก่อให้เกิดสถานการณ์อันตรายได้ถึงขนาดการใช้กำลังทหารเพื่อแก้ปัญหา
ความเป็นปรปักษ์ระหว่างจีนกับไต้หวันเพิ่มขึ้นตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2559 ที่ไช่อิงเหวินจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าที่สนับสนุนการแยกประเทศเป็นอิสระ ชนะการเลือกตั้งและกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของไต้หวัน
จีนสงสัยว่า ประธานาธิบดีไช่ต้องการผลักดันให้มีการประกาศอิสรภาพอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือป็นการล้ำเส้นสำหรับพรรคคอมมิวนิสต์ แม้ว่าประธานาธิบดีไช่จะพูดว่า เธอต้องการที่จะคงสถานภาพอย่างที่เป็นอยู่และให้คำมั่นว่าจะเชิดชูสันติภาพก็ตาม
จีนไม่พอใจจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในกฎหมายสัปดาห์ที่แล้วที่จะทำให้สหรัฐฯ ส่งผู้บริหารระดับสูงไปไต้หวันเพื่อประชุมกับเจ้าหน้าที่ของไต้หวันและทางไต้หวันก็จะทำเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ สหรัฐฯไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่ต้องการช่วยไต้หวันในด้านการป้องกันประเทศ และให้เป็นประเทศเป็นคลังแสงขนาดใหญ่
ในการกล่าวสุนทรพจน์ช่วงปิดการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติของจีน ประธานาธิบดีสีกล่าวกับผู้แทน 3,000 คนจากทั่วประเทศว่า จีนจะผลักดันให้เกิดการรวมตัวกันเป็นปึกแผ่นของประเทศบ้านเกิดที่สงบสันติ และทำงานเพื่อให้ชาวไต้หวันพอใจกับโอกาสในการพัฒนาประเทศจีนมากยิ่งขึ้น
“นี่เป็นความมุ่งมั่นปรารถนาของประชาชนชาวจีนทุกคน และเป็นผลประโยชน์พื้นฐานที่จะปกป้องอธิปไตยของจีน และบูรณาการดินแดน และตระหนักถึงการรวมตัวกันอีกครั้งอย่างสมบูรณ์” ประธานาธิบดีสีกล่าว
“การกระทำและการใช้เล่ห์เหลี่ยมใดๆ เพื่อแยกจีนมีแนวโน้มว่าจะล้มเหลว และจะต้องประสบกับการประณามและการลงโทษครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์” เขาเสริม และได้รับเสียงปรบมือดังกึกก้อง
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า จีนมีเจตนา ความเชื่อมั่นและศักยภาพที่จะปราบปรามการเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อการแยกตัวเป็นอิสระจากจีน ประธานาธิบดีสีกล่าว
“ประชาชนชาวจีนล้วนมีความเชื่อเหมือนกันว่าจะไม่ยอม และเป็นไปไม่ได้อย่างที่สุดที่จะแยกแม้แต่นิ้วเดียวของดินแดนประเทศของเราออกไปจากจีน”
ทั้งนี้ ไต้หวันที่ภูมิใจในความเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่สนใจที่จะอยู่ใต้การปกครองของจีน และกล่าวหาจีนว่าไม่เข้าใจในความเป็นประชาธิปไตย โดยชี้ว่าประชาชนชาวไต้หวันมีสิทธิที่จะตัดสินใจเรื่องอนาคตของประเทศ
กฎหมายใหม่ของสหรัฐฯที่มีต่อไต้หวันยิ่งตอกย้ำความบาดหมางระหว่างจีนและสหรัฐฯด้านความสัมพันธ์ทางการค้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรับขึ้นภาษีศุลกากร และเรียกร้องให้จีนลดตัวเลขความไม่สมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯลง แม้สหรัฐฯจะต้องพึ่งพาจีนเพื่อช่วยลดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือลงก็ตาม
ไต้หวันขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับกฎหมายและการสนับสนุน แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของไต้หวันระบุเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ยังไม่มีแผนสำหรับผู้บริหารประเทศระดับสูง เช่น ประธานาธิบดี ที่จะไปเยือนสหรัฐฯ
การที่จีนยกระดับการซ้อมรบของกองทัพรอบไต้หวันในปีที่ผ่านมา ทำให้ไต้หวันกังวลใจ ประธานาธิบดีสีย้ำว่า การเพิ่มกำลังทหารของจีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อประเทศใด เนื่องจากจีนมองว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ไม่ใช่ประเทศ
“มีแต่คนที่มีนิสัยที่จะรุกรานคนอื่นเท่านั้น ถึงจะมองว่าคนอื่นทุกคนเป็นภัยกับตัวเอง” ผู้นำจีนกล่าว.