สภาจีนให้ “สี” เป็นผู้นำตลอดชีวิต
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. สภาประชาชนของจีนมีมติเห็นชอบให้มีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อยกเลิกกรอบวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีเดิม ทำให้ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมีอำนาจเต็มรูปแบบและสามารถขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของเขาเพื่อปรับเปลี่ยนจีนให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกทั้งด้านเศรษฐกิจและทางทหารได้ตลอดไป
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการย้อนกลับจากยุคการบริหารประเทศที่เป็นแบบองค์รวม เพื่อการหวนกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองของอดีตผู้นำเติ้งเสี่ยวผิงที่มีอำนาจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดำรงเสถียรภาพของประเทศต่อจากเหมาเจ๋อตุง อดีตผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพียงคนเดียว
การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งประวัติศาสตร์ของจีนผ่านพ้นไปด้วยดีจากเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกในสภาที่โหวตเห็นชอบถึง 2,958 เสียง มีโหวตค้านเพียง 2 เสียงและงดออกเสียง 3 คน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงขึ้นสู่อำนาจในปี 2555 เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ จากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ทำให้เขามีเวลาทั้งชีวิตที่จะขับเคลื่อนจีนให้เป็นไปตามเป้าหมายและวิสัยทัศน์ของเขา คือการเปลี่ยนจีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยกองทัพระดับ ‘เวิลด์คลาส’ ภายในไม่กี่ปีต่อจากนี้
ที่ผ่านมา เขาใช้อำนาจในการกวดขันจัดระเบียบสังคม มีการควบคุมตัวนักกฎหมายและนักเคลื่อนไหว และจำกัดเสรีภาพในการใช้อินเทอร์เน็ตในจีน ขณะเดียวกัน เขากลับได้รับความนิยมมากขึ้นจากประชาชนชาวจีนเพราะการปราบปรามคอร์รัปชันอย่างเด็ดขาดรุนแรง มีการจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำความผิดด้านทุจริตโกงกินและลงโทษไปมากกว่า 1 ล้านคน แต่นักวิจารณ์มองว่า เขาใช้โอกาสที่มีกำจัดคู่แข่งที่มีศักยภาพไปได้หลายคนเช่นกัน
พรรคคอมมิวนิสต์แถลงว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญช่วยทำให้ประธานาธิบดีไม่มีข้อจำกัดในด้านกรอบวาระการดำรงตำแหน่ง ซึ่งรวมถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรคและผู้นำกองทัพด้วย โดยทางพรรคเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสีเป็นประธานในการประชุม Politburo เมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว และบรรดาผู้นำตัดสินใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทางพรรคจึงร่างข้อเสนอและความเห็นช่วงปลายเดือนม.ค.ปีนี้ เพื่อนำเข้าที่ประชุมเพื่อเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งที่ผ่านมา
“ ท่านสีจิ้นผิงเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจโครงการสำคัญมากมาย ทั้งการปฏิรูปเศรษฐกิจและการต่อสู้กับคอร์รัปชัน ดังนั้น เราจึงมีมติเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ให้ท่านมีเวลามากขึ้นเพื่อทำให้งานสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย ” ผู้แทนจากมณฑลซานตงกล่าว
ขณะที่ในโลกออนไลน์ของจีนมีการตอบโต้มติเห็นชอบจากสภาทันที ทำให้ทางการจีนต้องมีการเซ็นเซอร์และบล็อกวลีและคำหลายคำ เช่น “ ฉันไม่เห็นด้วย” และ “ จักรพรรดิ์ ” รวมถึงภาพการ์ตูนหมีพูห์ ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่โลกออนไลน์มักใช้เปรียบเทียบกับประธานาธิบดีสี
ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวกังวลว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะยิ่งทำให้มีการควบคุมสื่อ ประชาสังคมและศาสนาอย่างเข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากประธานาธิบดีสีพยายามที่จะนำวิสัยทัศน์แบบสังคมนิยมมาปรับใช้กับทุกแง่มุมของสังคมมากขึ้น
หูเจีย นักเคลื่อนไหวในกรุงปักกิ่ง ซึ่งระบุว่าทางการบีบเขาให้ออกจากเมืองหลวงไปในช่วงที่มีการประชุมสภา มองว่าการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นเรื่องที่ “ผิดกฎหมาย”
“ สีขอให้ทุกคนเชื่อฟังและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้ไขเพื่อทำให้เขาอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ เขาใช้รัฐธรรมนูญเป็นอาวุธที่ถูกกฎหมายสูงสุดเพื่อควบคุมเจ้าหน้าที่รัฐและพลเมืองทั้งหมด ”