จีนไม่อยากทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่ต้องปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ นักการทูตอาวุโสของจีนกล่าวเมื่อวันที่ 4 มี.ค. หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศแผนปรับขึ้นภาษีศุลกากรใหม่กับการนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
โดยเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ผู้นำสหรัฐฯ พูดด้วยท่าทีท้าทายว่า สงครามการค้าเป็นเรื่องดีและง่ายที่จะชนะ หลังจากเมื่อวันที่ 1 มี.ค.เขาได้ระบุว่า เขามีเจตนาที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรใหม่ในการนำเข้าเหล็กเป็น 25% และ 10% ในการนำเข้าอลูมิเนียม
ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่มขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในปี 2560 และแม้ว่าจีนจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อยสำหรับการนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ แต่อุตสาหกรรมที่ขยายตัวในจีนหนุนให้ปริมาณการผลิตเหล็กทั่วโลกล้นตลาดและทำให้ราคาลดลง
การเจรจาและการเปิดตลาดระหว่างกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาการค้าที่ขัดแย้งไม่ลงรอยกัน จางเย่สุ่ย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวก่อนการประชุมสภาประจำปีของจีน ซึ่งเปิดการประชุมในสัปดาห์นี้
“ จีนไม่ต้องการทำสงครามการค้ากับสหรัฐฯ แต่แน่นอนที่สุดว่า เราจะไม่นั่งมองดูผลประโยชน์ของจีนถูกทำลายลงไป ” จาง ซึ่งเป็นโฆษกของสภาและเคยเป็นอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐฯ กล่าว
“ หากมีการกำหนดนโยบายบนพื้นฐานของคำตัดสินที่ผิดพลาด หรือการด่วนสรุป มันจะทำลายความความสัมพันธ์ทวิภาคี และจะทำให้เกิดผลที่ตามมา ซึ่งไม่มีประเทศใดอยากเห็นเช่นนั้น ” จางกล่าว
ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่า ภาษีศุลกากรจะช่วยปกป้องงานของคนอเมริกัน แต่นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ผลกระทบของราคาที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ใช้งานเหล็กและอลูมิเนียม เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และน้ำมัน กลับจะเป็นการทำลายงานมากกว่า
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นที่สอดคล้องกันอย่างเป็นเอกฉันท์เพิ่มมากขึ้นในวอชิงตัน และการสนับสนุนในชุมชนธุรกิจของสหรัฐฯ สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับนโยบายอุตสาหกรรมที่ดุเดือดของปักกิ่งและกฎระเบียบที่เข้มงวดที่มีต่อบริษัทต่างชาติ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์มองหาหนทางมานานที่จะปรับความสัมพันธ์การค้ากับจีนให้สมดุลยิ่งขึ้น ให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนน้อยลง และยังได้พิจารณาถึงการคว่ำบาตรทางการค้าที่มีศักยภาพต่อทางปักกิ่ง ภายใต้มาตรา 301 ที่กำหนดขึ้นเพื่อบังคับใช้ในด้านทรัพย์สินทางปัญญาของจีน โดยกดดันให้บริษัทต่างชาติต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้จีน
คณะทำงานของผู้นำสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ทำผิดพลาดจากการสนับสนุนจีนให้เข้าเป็นสมาชิกองค์กรการค้าโลกในปี 2544 บนเงื่อนไขที่ไม่สามารถบังคับให้จีนเปิดกว้างทางเศรษฐกิจได้
แหล่งข่าวด้านการทูตและด้านธุรกิจของสหรัฐฯ ให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯ มีวิธีการทั้งหมด แต่แช่แข็งกลไกอย่างเป็นทางการเพื่อต้องการพูดคุยในกรณีพิพาทด้านการค้ากับจีน เพราะไม่พอใจที่ทางปักกิ่งไม่ทำตามสัญญาที่จะคลายกฎข้อบังคับของตลาดให้ง่ายขึ้น.