หญิงใจเด็ดในหน่วย SWAT จีน
“เหมือนกิ่งไผ่ อ่อนลู่แต่ไม่หัก” นี่คือสิ่งที่หลี่ เป่ย วัย 39 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงเมืองโหลวตี่ ในมณฑลหูหนาน อธิบายความเป็นตัวเธอ
หลี่ทำงานเสี่ยงอันตรายในการต่อสู้กับอาชญากรมานานถึง 18 ปี เธอมีประวัติการทำงานที่ยอดเยี่ยม โดยเธอเคยจับพ่อค้ายาได้ที่พนมแดนจีน-เมียนมา จับกุมฆาตกรผู้สังหารเหยื่อ 13 ราย รวมถึงเคยเสี่ยงช่วยชีวิตอาชญากรที่เลือดไหลและเป็นโรคเอดส์
ทั้งนี้ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่า หญิงสาวรูปร่างเล็ก ผิวขาว และมีลักยิ้มน่ารักอย่างเธอ ปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วย SWAT ของจีนมาเป็นเวลานาน
ในเดือนส.ค.ปี 2553 มีหญิงคนหนึ่งคิดจะจบชีวิตด้วยการกระโดดลงจากตึก 13 ชั้นในตัวเมืองโหล่วตี่ หลังจากคุยกันนานเป็นชั่วโมง หญิงคนนั้นยอมให้หลี่เข้าไปใกล้เธอได้คนเดียว และยื่นกระดาษกับปากกาให้เธอเขียนที่อยู่ หลี่นั่งอยู่ข้างเธอบนดาดฟ้าที่มีความสูง 50 เมตร พวกเธอคุยกันนานจนหญิงคนนั้นเชื่อใจเธอ
“ฉันเหลือบมองลงมา ข้างล่างมีแต่คนเต็มไปหมด ฉันนึกกลัวขึ้นมาเหมือนกัน ฉันไม่ต้องการจบชีวิตที่นี่” หลี่เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีต เธอกลับเข้ามาในที่ปลอดภัยหลังเธอล้มเหลวที่จะเจรจาให้หญิงคนนั้นยอมรับความช่วยเหลือ เหตุการณ์ตึงเครียดยืดเยื้ออยู่นาน 3 ชั่วโมง และหลี่ตัดสินใจเสี่ยงอีกครั้งและเข้ารวบตัวหญิงคนนั้นไว้ได้ เมื่อหลี่พยายามพาเธอมาที่ปลอดภัย เธอดิ้นรนหนี แต่หลี่คว้าเอวของเธอไว้ได้และพาเธอลงมาข้างล่างได้อย่างปลอดภัย
“ชีวิตและความตาย ห่างกันแค่อึดใจเดียว” หลี่กล่าว เธอมีพ่อแม่เป็นตำรวจทั้งคู่ เธอจึงจำคำสอนของพ่อเธอได้ดี “ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนไปอย่างไร คนที่มีความรับผิดชอบและคล่องแคล่วใช้การได้เป็นที่ต้องการเสมอ”
ในปี 2542 เมื่อฆาตกรที่สังหารเหยื่อไปมากถึง 13 ราย หลบหนีมาที่เมืองโหล่วตี่ หลี่พุ่งไปที่สถานีรถไฟทันทีพร้อมเพื่อนร่วมงานและปฏิบัติการจับตัวฆาตกรได้สำเร็จ โดยในทีม มีเธอเป็นเจ้าหน้าที่หญิงเพียงคนเดียว
ในปี 2543 หลี่และเพื่อนร่วมงานต้องสูบบุหรี่และดื่มเหล้าเป็นประจำเพื่อปลอมตัวเป็นพ่อค้ายาเสพติดในการแกะรอยตามจับขบวนการค้ามนุษย์
หลังจากครึ่งเดือนผ่านไป ทีมของหลี่สามารถจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ได้ถึง 13 รายที่ชายแดนจีน – เมียนมา และสามารถทลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างเมืองโหล่วตี่ มณฑลยูนนาน และเมียนมา
หลี่ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมในการประชุมสมัชชาแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 19 ที่กรุงปักกิ่งด้วย หลังจากเธอกลับมาที่เมืองโหล่วตี่ เธอได้อุทิศตัวเองเพื่อถ่ายทอดจิตวิญญาณจากการประชุมให้กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ในเมืองนี้
เธอกล่าวว่า เธอได้ปรับปรุงพัฒนาตัวเธอเองและได้รับความรู้ใหม่ๆ ขณะที่เธอกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม
“ฉันรู้สึกตื้นตันและประทับใจมาก เมื่อสมาชิกพรรคทั้งหมดปรบมือให้กับฉัน”.