จี้สหรัฐฯ ถอดบริษัทจีนจากบัญชีดำ
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ของจียระบุว่า จีนขอให้สหรัฐฯอยู่ห่างจากประเด็นภายในประเทศจีน หลังจากทำเนียบขาวขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนโดยกล่าวหาว่ากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือที่ห่างไกลของจีน
“ เราขอแสดงความชัดเจนให้สหรัฐฯหยุดกล่าวหาอย่างไร้ความรับผิดชอบในประเด็นของซินเจียง” และ “หยุดแทรกแซงกิจการภายในของจีน และถอดชื่อบริษัททั้งหมดออกจากบัญชีดำโดยเร็ว” โฆษกกระทรวงระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันที่ 8 ต.ค.
“ จีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของจีน” โฆษกระบุ
ความเห็นนี้มีขึ้นหลังจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯกับจีนยกระดับขึ้นก่อนหน้าการเจรจาการค้าตามกำหนดในสัปดาห์นี้ โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค. สหรัฐฯประกาศห้าม 28 บริษัทของจีนไม่ให้ทำธุรกิจกับบริษัทอเมริกัน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โดยเมื่อวันที่ 8 ต.ค. รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศให้มีความเข้มงวดในการออกวีซ่าให้บรรดาเจ้าหน้าที่จีน “ ซึ่งเชื่อว่ามีหน้าที่รับผิดชอบ หรือสมรู้ร่วมคิด ในการควบคุมตัวและการล่วงละเมิด” ชนกลุ่มน้อยมุสลิมในซินเจียง
“ สหรัฐฯ ขอเรียกร้องให้สาธารณรัฐประชาชนจีนยุติการกระทำที่เป็นการปราบปรามในซินเจียงโดยทันที ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งหมด และหยุดการบังคับขู่เข็ญชาวมุสลิมซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในจีนให้ประสบกับชะตากรรมที่ไม่แน่นอน” ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุในแถลงการณ์
มีรายงานจากจีนว่า ผู้แทนในการเจรจาการค้าของจีนลดระยะเวลาในการอยู่ในวอชิงตันให้สั้นลงและเดินทางกลับจีนหลังการประชุมเสร็จสิ้นในวันที่ 11 ต.ค. ดับความหวังของการเจรจาให้ริบหรี่ลง
อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้กลับหนุนให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้นถึง 300 จุดขณะที่หูซีจิน บก.บริหารของสื่อโกลบอลไทม์สที่ติดตามตลาดในช่วงสงครามการค้าระบุเมื่อวันที่ 8 ต.ค.ว่า ตอนนี้ จีนคาดหวังน้อยมากว่าจะสามารถบรรลุผลในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯได้
ทั้งนี้ โกลบอลไทม์สเป็นสื่อในสังกัดของพีเพิลเดลี่ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน.