แบรนด์แอปเปิลหล่นฮวบในจีน

ปักกิ่ง (บลูมเบิร์ก) – สงครามการค้าส่งผลกระทบกับแบรนด์แอปเปิลอย่างชัดเจน จากผลสำรวจความเห็นของผู้บริโภคชาวจีน
แบรนด์ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ดิ่งร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 24 ในรายงานประจำปีของแบรนด์ยอดนิยมในจีน โดยในปีที่แล้วแอปเปิลอยู่อันดับ 11
ทั้งนี้ ในปี 2560 ก่อนสงครามการค้าจะเกิดขึ้น แอปเปิลเป็นแบรนด์ยอดนิยมในอันดับ 5 ของจีน
ขณะเดียวกัน หัวเว่ย ซึ่งเป็นแบรนด์คู่แข่งรายใหญ่ที่สุด พุ่งขึ้นจากเดิมมา 2 อันดับมาอยู่ที่อันดับ 2 ตามหลังเพียงแค่อาลีเพย์ ซึ่งเป็นบริการจ่ายเงินของจีน
อันดับที่ลดต่ำลงมากเป็นสัญญาณความท้าทายมากขึ้นที่แบรนด์อเมริกันต้องเจอในปีที่ 2 จากผลกระทบของมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทีกำลังต่อสู้ในสงครามการค้ากับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน
โดยผลสำรวจชี้ว่า ผู้บริโภคชาวจีนไม่สนใจแบรนด์อเมริกันมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เมิ่งว่านโจว ซีเอฟโอของหัวเว่ยถูกควบคุมตัวในแคนาดาเมื่อปีที่แล้วตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐฯ
หลังจากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ก็เริ่มแบนผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย ยิ่งเป็นการเพิ่มกระแสชาตินิยมของชาวจีนให้สนับสนุนหัวเว่ย ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเซินเจิ้นมากขึ้น จากข้อมูลของ Jay Milliken หุ้นส่วนอาวุโสในฮ่องกงของ Prophet บริษัทที่ปรึกษาในซานฟรานซิสโกที่จัดทำการสำรวจผู้บริโภคชาวจีน 13,500 คน
ผลสำรวจของ Prophet ที่มีการจัดทำเป็นรายปี ในปีนี้ได้สอบถามความคิดเห็นของผู้บริโภคชาวจีนในเมืองใหญ่ที่มีกับแบรนด์กว่า 250 แบรนด์ใน 27 ประเภทสินค้า
ผู้ตอบแบบสำรวจประเมินแบรนด์ที่ใช้ หรือคิดว่าจะใช้ และจัดอันดับตามความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้บริโภคจากคุณภาพหลายประการ เช่น นวัตกรรม ความมีประโยชน์ และความไว้วางใจ
“ มีความชาตินิยมอยู่มากในการซื้อสินค้าประเภทนี้ เพราะผู้บริโภคชาวจีนมองว่าสิ่งที่เกิดกับหัวเว่ยเป็นการโจมตี” เขากล่าว โดยความรักชาติยังหนุนให้แบรนด์จีนอื่นๆเติบโตด้วย หลี่หนิง ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาพุ่งขึ้นมาอยู่เหนืออันดับ 40 ได้เป็นครั้งแรก โดยอยู่ในอันดับ 34 ตามหลังผู้นำคือไนกี้
ทั้งนี้ มีแบรนด์อเมริกันเพียง 2 แบรนด์ที่ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของปีนี้ คือแอนดรอยด์อยู่อันดับ 3 และอินเทล อยู่ในอันดับ 9
แต่แอนดรอยด์และอินเทลไม่ต้องกังวลว่าผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปใช้แบรนด์ของคู่แข่งในประเทศ Milliken ระบุ และนี่จึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมพวกเขายังคงรั้งในอันดับสูงอยู่
ความตึงเครียดในประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่แอปเปิลเผชิญในจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญที่สุดรองจากสหรัฐฯ
ขณะที่ปักกิ่งพยายามผลักดันให้ประเทศเป็นผู้นำของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง 5G แต่สมาร์ทโฟนของแอปเปิล แม้แต่ไอโฟน 11 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด ก็ไม่ซัพพอร์ทมาตรฐานอินเทอร์เน็ตไร้สายนี้