อัตราเกิดจีนเพิ่มหลังใช้นโยบายลูก 2 คน
อัตราการเกิดของจีนในปีที่แล้วปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ถึงแม้จำนวนหญิงในวัยเจริญพันธุ์จะลดลงก็ตาม อ้างอิงจากทางการจีน
โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นผลกระทบสำคัญจากการผ่อนคลายนโยบายลูกคนเดียวที่เข้มงวดของจีนเมื่อหนึ่งปีก่อน
มีอัตราการเกิดถึง 17.86 ล้านคนในปี 2559 เพิ่มขึ้น 7.9% จากปี 2558 อ้างอิงจากตัวเลขของคณะกรรมการสุขภาพและวางแผนครอบครัวแห่งชาติ ( NHFPC)
ทั้งนี้ มากกว่า 45% ของจำนวนทารกที่เกิดในปี 2559 มีพี่น้อง 1 คนหรือมีลูกพี่ลูกน้องที่โตกว่า
“ ขณะที่จำนวนผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ลดลง 5 ล้านคน จำนวนเด็กที่เกิดใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ให้เห็นว่า นโยบายวางแผนครอบครัวที่ปรับเปลี่ยนไปส่งผลอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาที่ต้องการ ” นายหยาง เหวินจวงจาก NHFPC กล่าว
เขากล่าวว่าภายในปี 2563 คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเกิดประมาณ 17 – 20 ล้านคนต่อปีในทุกๆ ปี มีการประเมินว่า ภายในปี 2593 จะมีจำนวนประชากรในวัยทำงานเพิ่มขึ้นถึง 30 ล้านคนในจีน
ที่ผ่านมา จีนบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวเพื่อลดจำนวนประชากรไม่ให้ล้นประเทศ ลดปัญหาความยากจนและลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม
ขณะที่มีข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ( NBS) ว่า อัตราการเกิดในปีที่แล้วสูงกว่า 18.46 ล้าน
คน โดยตัวเลขที่แตกต่างกันจากสองหน่วยงาน เกิดจากวิธีเก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน โดยตัวเลขของ NBS มาจากพื้นฐานการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง ขณะที่ข้อมูลของ NHFPC มาจากตัวเลขสูติบัตรในโรงพยาบาล แต่ทางการจีนกล่าวว่า ทั้งสองหน่วยงานต่างก็ยืนยันว่า มีเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้นจริง
หากเป็นมาตรฐานของคนอื่น จำนวนเด็กทารกที่เพิ่มขึ้นถึง 1.5 ล้านคนอาจมองว่าเยอะมากเกินไป แต่ในความเป็นจริงของจีนคือยังไม่เพียงพอ
โดยนโยบายลูกคนเดียวที่บังคับใช้มานานหลายทศวรรษผ่านการทำหมันจำนวนมากและบังคับให้ทำแท้งไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่ยังไม่มีประโยชน์ด้วย ตั้งแต่มีการบังคับใช้กฎหมายนี้ในปี 2512 อัตราการเกิดของจีนก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ผลกระทบจากนโยบายลูกคนเดียวทำให้จีนขาดแคลนแรงงานในวัยทำงานประมาณ 5 ล้านคนทุกปี และจะเป็นอย่างนั้นไปอีกนานหลายปีกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น.