จีนสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหม่
รัฐบาลจีนเริ่มหวั่นวิตกจำนวนประชากรที่ลดลง เนื่องจากค่าเลี้ยงดูบุตรที่แพงขึ้น ทำให้ผู้หญิงไม่อยากมีลูกเพราะต้องหยุดงานเป็นระยะเวลานาน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนจะเริ่มสำรวจประชากร 1.4 ล้านคน ในวันนี้ (1 พ.ย.) ในแบบสำรวจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของประชากร ในขณะที่ทางการจีนเผชิญความยากลำบากในการจูงใจให้ประชาชนมีลูกมากขึ้นท่ามกลางอัตราการเกิดที่ลดลง และจำนวนประชากรลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 60 ปี
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนระบุว่า การสำรวจประชากร ซึ่งถูกประกาศออกมา เมื่อวันที่ 10 ต.ค.และเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดนั้น จะมุ่งเน้นไปที่การสำรวจพื้นที่ในเขตเมืองและในชนบททั่วประเทศ โดยการสำรวจในครั้งนี้จะเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 500,000 ครัวเรือน และใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จนถึงวันที่ 15 พ.ย.2566
NBS ระบุว่า การสำรวจดังกล่าวจะให้ข้อมูลพื้นฐานในการจับตาการเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาของประชากรจีน และช่วยเหลือรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์ในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และนโยบายที่เกี่ยวกับประชากร
ทั้งนี้ จีนดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรในรอบ 10 ปีครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย.2563 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัตราการขยายตัวที่ล่าช้าที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการสำรวจประชากรสมัยใหม่ครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1950
ค่าเลี้ยงดูบุตรที่ระดับสูงและความจำเป็นที่จะต้องหยุดทำงาน ทำให้ผู้หญิงหลายคนเลือกที่จะไม่มีลูกเพิ่มขึ้นหรือเลือกที่จะไม่มีเลย นอกจากนี้ การเลือกปฏิบัติทางเพศและทัศนคติแบบเหมารวมที่ผู้หญิงจะต้องดูแลบุตรยังคงแพร่หลายไปทั่วประเทศ
จีนรายงานจำนวนประชากรลดลงราว 850,000 คน จาก 1,411 ล้านคนในปี 2565 โดยนับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2504 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของยุคที่เกิดภาวะอดอยากครั้งใหญ่ (Great Famine) ในประเทศจีน