เตือน สงครามระหว่าง “Gen”

สถาบันพระปกเกล้า อดีตรัฐมนตรี มองตรงกัน หากการเมืองไทยไม่เปลี่ยนแปลง อาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าไม่มีโควิด-19 ป่านนี้ เรื่องที่รัฐบาลจะต้องปวดหัว คือการชุมนุมประท้วงของเหล่านิสิต นักศึกษา ที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ก่อนศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ และถูกยกระดับลามไปยังมหาวิทยาลัยและโรงเรียนดังๆทั่วประเทศในเวลาอันรวดเร็วหลังศาลสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ เพียงมาติดโควิด-19 เสียก่อน ทำให้กิจกรรมของนักศึกษาต้องหยุดชะงักไป

นั่นเป็นเวลาเดียวกับที่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งที่สนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) แล้วสมัครเข้าร่วมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ โดย นพ.วรงค์ มาพร้อมกับวาทกรรม “ชังชาติ” ซึ่งหมายถึงฐานแฟนคลับพรรคอนาคตใหม่ ที่มีความคิดก้าวหน้าแบบสุดโต่ง
ประเมินกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ขบวนการนักศึกษาขยายตัวใหญ่ จนนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ เมื่อนั้น นพ.วรงค์ ก็จะออกมาแสดงพลัง ปกป้องรัฐบาลของ “บิ๊กตู่” ซึ่งภาพที่ออกมาก็จะเป็นความขัดแย้งระหว่างคน 2 ฝ่าย คือวัยรุ่นซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่ และ คนมีอายุที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้มีความเคลื่อนไหวล่าสุดของ นพ.วรงค์ นับว่าน่าสนใจมาก โดย นพ.วรงค์ ประกาศลาออกมาพรรค รปช.มาตั้งกลุ่มการเมือง โดยเจตนารมณ์ของกลุ่มดูจะสวนทางกับนักศึกษาทุกอย่าง เช่น ต่อต้านประชาธิปไตยแบบตะวันตก กลุ่มนี้เชื่อว่าต้นตอของปัญหาประเทศมาจากนักการเมือง พวกเขาต่อต้านพวกชังชาติ เป็นต้น
ขณะเดียวกันกลุ่มนักศึกษา ต่างเตรียมเคลื่อนไหวทันทีที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังจะเห็นว่ากิจกรรมการแสดงสัญลักษณ์ ครบรอบ 88 ปี วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ที่ถึงแม้จะติด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ดูจะคึกคักกว่าหลายปีที่ผ่านมา จึงประเมินได้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อนั้นนักศึกษาจะออกมาชุมนุมอีกครั้ง

มีความเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอนาคต โดย พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ถ้าไม่แก้ไขปัญหาการเมือง มันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย อย่างเราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
“เพราะนับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 พบว่าทุกๆประมาณ 20 ปี จะมีความขัดแย้งครั้งใหญ่ๆมาโดยตลอด เช่นช่วงประมาณปี 2495 มีการเปลี่ยนแปลง การปฏิวัติยึดอำนาจ จากนั้นปี 2516 เกิดการชุมนุมของนักศึกษา ปี 2535 เกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2553 เป็นช่วงที่มีการความรุนแรงทางการเมืองเช่นกัน”

พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า อีกเพียง 10 กว่าปี จะครบ 100 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ถ้าปัญหาต่างๆไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่นอน และอาจจะใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วยซ้ำ เพราะขณะนี้เรายังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เลย เมื่อเมื่อถึง 100 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง เราอาจเจอระเบิดลูกใหญ่ไม่ว่าจะเป็น การเมืองและเรื่องอื่นๆหากไม่แก้ไขตั้งแต่วันนี้
สอดคล้องกับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ที่เห็นว่า นับตั้งแต่ปี 2475 เป็นต้นมา ประเทศไทยมีความขัดแย้งในระดับระนาบ คือความขัดแย้งระหว่างอีลิท 5% กับอีลิท 5% แย่งว่าใครจะได้อำนาจ แต่หลังวิกฤตโควิด-19 จะทำให้เกิดความขัดแย้งแนวดิ่งอย่างหนัก เพราะคนระดับล่างได้รับผลกระทบอย่างมาก
“นอกจากนี้ ยังจะมีความขัดแย้งระหว่างเจเนอเรชั่น เพราะคนที่กุมอำนาจทั่วโลกรวมทั้งไทย คือพวก Baby Boomer เกิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นกลุ่มคนที่มีฐานะดี คุมอำนาจทางเศรษฐกิจและสังคม แล้วไม่ยอมปล่อยมือ ส่วนกลุ่มที่มีความเดือดร้อนและอัดอั้นตันใจ คือคนเจน Z เขาอาจไม่สามารถหางานได้ และความฝันก็ดูจะมืดมิด ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งกัน และเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากในอนาคต”