สรุปข่าวประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2564
หุ้น ตปท.-ไทย ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาด (29 ก.ค.) เพิ่มขึ้น 153.60 จุด (0.44%) ปิดที่ 35,084.53 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 18.51 จุด (0.42%) ปิดที่ 4,449.15 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 30.26 จุด (0.20%) ปิดที่ 15,048.36 จุด ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ปิดตลาด(29 ก.ค.) ที่ระดับ 1,537.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.15 จุด (0.01%) มูลค่าการซื้อขาย 79,544.44 ล้านบาท
น้ำมันโลก-ไทย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ราคา 73.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 76.05 ดอลลาร์/บาร์เรล
ปตท.-บางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร เว้น E85 ปรับขึ้น 0.20 บาทต่อลิตร มีผล 30 ก.ค.64 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ ULG = 37.36, GSH95 = 29.95, E20 = 28.44, GSH91 = 29.68, E85 = 22.94, HSD- B7= 29.49, HSD-B10 = 26.49, HSD-B20 = 26.24,ดีเซลพรีเมี่ยม B7 = 34.26 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
ทองคำขึ้น 250 บ.
ราคาทองคำเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 28,200 ขายออกบาทละ 28,300 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,697.32 ขายออกบาทละ 28,800 บาท ราคาทองคำปรับขึ้น 250 บาท เมื่อเทียบกับวันที่ 27 ก.ค.
เงินบาทยังอ่อนค่า
สำหรับค่าเงินบาทเทียบเงินสกุลโลก วานนี้ (29 ก.ค.) ยังอ่อนค่า เมื่อเทียบกับวันที่ 27 ก.ค.โดยธนาคารแห่งประเทศไทย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารพาณิชย์ โดยให้เงินบาทมีค่า 32.881 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แบงก์พาณิชย์ กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยที่ใช้ซื้อขายกับลูกค้า โดยกำหนดค่าเงินบาทไว้ที่ 33.0553 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ, 46.1906 บาทต่อ 1 ปอนด์, 39.3375 บาทต่อ 1 ยูโร, 30.3417 บาท ต่อ 100 เยน, 4.2732 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ฮ่องกง ,กำหนดค่าเงินบาทที่ 24.5416 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ และ 7.8868 บาท ต่อ 1 ริงกิตมาเลเซีย
สถานการณ์โควิด
สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 29 ก.ค. ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 561,030 คน เพิ่มขึ้น 17,669 คน เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 165 คน เสียชีวิตสะสม 4,562 คน ผู้ป่วยยังรักษาตัวอยู่ 185,976 คน อาการหนัก 4,511 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,001 คน
สหราชอาณาจักรบริจาควัคซีนให้ไทย
นายโดมินิก ราบ รมว.ต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักร ประกาศบริจาควัคซีนให้ประเทศไทยจำนวน 415,000 โดส เป็นวัคซีนจากออกซฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า ผลิตโดย Oxford Biomedica และบรรจุในเมือง Wrexham ในตอนเหนือของเวลส์ นอกจากนี้ สัปดาห์นี้สหราชอาณาจักร จะเริ่มส่งออกวัคซีนโควิด-19 จำนวน 9 ล้านโดส ให้ทั่วโลกเพื่อช่วยรับมือปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19
สหรัฐให้อีก 1 ล้านโดส
สถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความว่า ข่าวดี สหรัฐ มีเป้าหมายจะบริจาค วัคซีนโควิด-19 ให้ไทย 2.5 ล้านโดส โดยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส จากที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ 1.5 ล้านโดส โดยยืนยันด้วยคำพูดของ แทมมี่ ดักเวิร์ธ ระบุข้อความว่า “เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1.5 ล้านโดส จริงๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม 2.5 ล้านโดส แต่การส่งมอบล็อตแรกคือ 1.5 ล้านโดส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป”
ชวน ดีลซิโนฟาร์ม
หลีกภัย ประธานรัฐสภา ต่อสายตรงนายลี่ จ้านซู ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน เพื่อขอให้ฝ่ายจีนพิจารณาผลักดัน 3 เรื่อง 1. ให้นักศึกษาไทยได้กลับไปศึกษาต่อที่จีน 2.อนุญาตให้สายการบินไทย กลับไปทำการบินเชิงพาณิชย์ในจีนได้อีกครั้ง เพราะไทยได้อนุญาตให้สายการบินพาณิชย์จีน บินเข้าไทยได้แล้ว 3.ขอขอบคุณที่มีน้ำใจกับคนไทย เรื่องการมอบวัคซีนให้ แต่ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดรุนแรง หากได้รับวัคซีนตัวใหม่ (ซิโนฟาร์ม) ก็จะเป็นประโยชน์ และเป็นที่ซาบซึ้งใจต่อคนไทยอย่างสูง
หั่น GDP
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงประมาณการเศรษฐกิจไทย ระบุกระทรวงการคลังต้องปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงจากเดิม (เม.ย.2564) ที่ 2.3% เหลือ 1.3% (ช่วงคาดการณ์ 0.8-1.8%) คาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวที่ 1.3 % ต่อปี ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วง 4.0 – 5.0 %ต่อปี