อีอีซี จับมือ 4 แบงก์รัฐเติมทุนผู้ประกอบการ
อีอีซีจับมือ4แบงก์รัฐเติมสภาพคล่องผู้ประกอบการในพื้นที่ ชี้ผลกระทบโควิด-19 ทำให้เอสเอ็มอีและรายย่อยขาดสภาพคล่องหนัก เชื่อแหล่งจะช่วยต่อยอดการขยายกิจการและเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ ด้านเลขาธิการชี้ จะมีผู้ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือนี้ราว 1.7 แสนราย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือการส่งเสริมการลงทุนและบริการทางการเงินของ 4 แบงก์รัฐต่อผู้ประกอบการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี โดยเขากล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญ เพื่อเร่งบรรเทาผลกระทบสถานการณ์โควิด-19 ที่มีต่อผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประ กอบการเอสเอ็มอีและรายย่อย เช่น กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต่างๆ
โดยครั้งนี้ สถาบันการเงินของรัฐจำนวน 4 แห่ง จะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการธุรกรรมทางการเงินประเภทต่างๆ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ด้านการเงิน ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกระดับในพื้นที่อีอีซี ทั้งในเรื่องสินเชื่อรูปแบบพิเศษที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในแต่ละกลุ่ม สินเชื่อเพื่อยกระดับเกษตรกรไปสู่การทำธุรกิจการเกษตรและเข้าถึงบริการประกันภัยในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงผู้ประกอบการ
นอกจากนี้ ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ อีอีซี เกิดความเข้มแข็งยกระดับรายได้ต่อเนื่อง เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มั่นคง ซึ่งจะเป็นต้นแบบเพื่อนำไปใช้พัฒนาพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย จะให้บริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ อีอีซี อาทิ 1.สินเชื่อ SME EEC 4.0 ให้วงเงินกู้สูงสุด 3 เท่าของหลักประกัน หรือสำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท สามารถกู้ได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 2.สินเชื่อ SME Robotics and Automation เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ วงเงินสูงสุด 80% ของเงินลงทุน ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี อีกทั้ง ยังได้สนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการให้บริการทางการเงินด้านการนำเข้า ส่งออก และ ช่วยการบริหารจัดการทางการเงินให้สะดวก ด้วยบริการต่างๆ อาทิ e-Tax Invoice / e-Receipt นำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
รวมทั้ง การลงทุนโดยใช้เทคโนโลยีการให้บริการทางการเงินที่เหมาะสมรองรับความต้องการของผู้ประกอบการได้ทุกกลุ่ม รวมถึงลูกค้าทั่วไปในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พร้อมการให้คำปรึกษา แนะนำ พิจารณาร่วมลงทุนหรือเข้าบริหารกองทุนรวม เพื่อการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี
ด้านธนาคาเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะมีมาตรการสินเชื่อพิเศษ เพื่อช่วยยกระดับเกษตรกรไปสู่การทำธุรกิจด้านการเกษตร และการแปรรูปเบื้องต้น รวมทั้งสินเชื่อเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพเกษตรกรไปสู่การทำการเกษตรแบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์และการเกษตรแม่นยำ เพื่อผลิตสินค้าการเกษตรมูลค่าสูง และวัตถุดิบเกษตร สมุนไพรคุณภาพสูง เพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมยา อาหารเสริม และเทคโนโลยีชีวภาพ
อาทิ 1.สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงินตามความจำเป็นในการดำเนินงาน อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปีเป็นระยะเวลา 3 ปี และปีที่ 4 เป็นต้นไปอัตราดอกเบี้ยปกติ ระยะเวลาชำระคืน 15 – 20 ปี เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ
2.สินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร กรณีใช้หลักทรัพย์ไม่เกิน 100 ล้านบาท กรณีใช้บุคคลค้ำประกันไม่เกิน 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะเวลา 10 ปี เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทางการเกษตรนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้ และ 3.สินเชื่อนวัตกรรมดีมีทุน วงเงินไม่เกิน 300,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืน 10 ปี เพื่อส่งเสริมเกษตรกร และประชาชนทั่วไปนํานวัตกรรม เทคโนโลยีและภูมิปัญญา มาใช้ในกระบวนการผลิตในรูปแบบ Smart Farmer ด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) จะออกสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อฟื้นฟูกิจการหลังโควิค-19 วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 2%ต่อปี ใน 2 ปีแรก โดย 6 เดือนแรกรัฐบาลจ่ายดอกเบี้ยแทน มีระยะเวลาชำระคืน 10 ปี
3. สินเชื่อ SME เพื่อรีไฟแนนท์ ลงทุนปรับปรุง ขยายธุรกิจ และเสริมสภาพคล่อง วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 4.5-6% ต่อปี ระยะเวลาชำระคืน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้น 18 เดือน สำหรับทิพยประกันภัยได้สร้างผลิตภัณฑ์ประกันภัย “TIP EEC 4.0” ได้แก่ 1.การประกันสำหรับพ่อค้าแม่ค้า ร้านค้า ธุรกิจเอสเอ็มอี สำหรับความเสียหายอุบัติภัยสำหรับรถเข็นขายสินค้า ร้านค้า และทรัพย์สินต่างๆ ตัวอย่างเช่น การประกันภัยสำหรับพ่อค้าแม่ค้า คุ้มครองทรัพย์สินวงเงิน 10,000 – 30,000 บาท และได้ขยายความคุ้มครองเงินชดเชยการสูญเสียรายได้ไม่เกิน 4,500 บาทจากอุบัติภัยดังกล่าว รวมทั้ง การถูกโจรกรรมเงินทางไซเบอร์ ในวงเงินไม่เกิน 3,000 บาท ในราคาเริ่มต้น 365 บาท
2.Insurance Protection for Smart Factory 4.0 คุ้มครองโรงงานที่มีการปรับ line การผลิต จากแบบเก่าเป็นระบบ Automation และ IoT เพื่อใช้ประโยชน์จาก 5G ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ Cloud โดยคุ้มครองการสูญเสียรายได้จากการถูกแฮกข้อมูล จนทำให้ดำเนินการผลิตไม่ได้ ในวงเงินสูงสุด 10 ล้านบาท
ด้าน นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซีกล่าวว่า โครงการอีอีซียังสามารถเดินหน้าไปได้ แต่ในระยะที่ผ่านมา มีผู้ประ กอบการบางราย โดยเฉพาะเอสเอ็สอีและผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างมาก ดังนั้น ทางอีอีซีจึงประสานความร่วมมือจากแบงก์รัฐให้เข้าไปสนับสนุนแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบการดังกล่าว
ทั้งนี้ เราประเมินว่า จะมีผู้ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือครั้งนี้ราว 170,000 ราย เป็นระดับไมโครประมาณ 135,000 ราย รายเล็ก 34,000 ราย รายกลาง 3,800 ราย และ รายใหญ่ 1,500 ราย
“ครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองที่เราขอความร่วมมือจากแบงก์รัฐเพิ่มเติม โดยในครั้งแรกนั้น มีแบงก์รัฐเข้าร่วมประมาณ 3 ราย ได้ปล่อยสินเชื่อในระยะเดือนกว่าๆไปประมาณ 9,000 ครัวเรือน เป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท”